
เป็นเรื่องแล้ว "ทนายตั้ม" งัดหลักฐานเด็ดตอกกลับ ยันไม่ผิดไม่ต้องคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ
เรื่องใหญ่ "ทนายตั้ม" ลั่นเจอหลักฐานเด็ดตอกกลับคดีเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ย้อนถามเอกสารแบบคำขอลงทะเบียนปี 2555 ไม่ได้ระบุเงื่อนไขห้ามรับซ้ำซ้อน แต่มาเรียกเงินคืนถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จากกรณีมีประชาชนหลายรายออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน เพราะถูกระบุว่ารับซ้ำซ้อน โดยนับย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี บางรายต้องจ่ายคืนรวมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนกว่า 70,000-80,000 บาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว ทักมาได้เลย "ทนายตั้ม" ลั่นช่วยฟรีผู้เสียหายคดีเรียกเก็บเงินคืนเบี้ยคนชรา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ระบุว่า มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้รับตัวอย่างเอกสารแบบคำขอลงทะเบียนเบี้ยผู้สูงอายุ รุ่นเกือบสิบปีก่อน (2555) ในเงื่อนไขคุณสมบัติ ไม่มีเรื่องข้อห้ามสำหรับผู้ได้รับบำเน็จ บำนาญจากรัฐนะครับ
ผมเลยขอตั้งคำถามกลับไปที่หน่วยงานช่วยชี้แจงเรื่องนี้ด้วย ถ้าไม่ได้ระบุในใบคำร้อง แล้วมาเรียกเก็บเงินคืน ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เป็นเรื่องใหญ่นะครับเรื่องนี้ อยากให้ทุกคนช่วยกันแชร์ และลองกูเกิ้ลคำว่า แบบคําขอลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2555 ในเว็บไซต์ประจำจังหวัดหลายแห่ง ยังมีต้นขั้วอยู่ครับ
คำถามคือ "ถ้าหน่วยงานมาเปลี่ยนใบคำร้องปี 2561 จะไม่สามารถใช้กฎหมายนี้ย้อนไปสิบปีก่อนได้ครับ"
ทนายตั้ม ยังระบุด้วยว่า เท่าที่ผมหาข้อมูลมานะครับ ในแบบคำร้องปี 2555 ยังไม่มีเงื่อนไขเรื่องคนได้รับบำเน็จบำนาญห้ามรับเบี้ยคนชรา แต่พอปี 2557 และ 2561 ในคำร้องมีเงื่อนไขนี้เพิ่มเติมเข้าไป คำถามคือ ถ้าไม่มีเงื่อนไขนี้ในสัญญาปี 2555 แล้วทำไมหน่วยงานถึงเรียกเก็บเงินกับคนแก่ที่ได้เบี้ยไปสิบปีก่อน