ไทยเฮเกาหลีใต้ไฟเขียวไทยส่งออกมะม่วงมหาชนกครั้งแรกของประเทศ
ไทยเฮเกาหลีใต้ไฟเขียวไทยส่งออกมะม่วงมหาชนกครั้งแรกของประเทศ คาดทำรายได้เพิ่มจากเดิมส่งออกเพียง 3 ชนิดทำรายได้กว่า 700 ล้านบาทต่อปี
วันที่ 25 ก.พ. 64 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้รับรายงานข่าวดีจากนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรในโอกาสที่สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ได้อนุญาตให้ไทยส่งออกมะม่วงมหาชนกไปยังเกาหลีใต้ได้เมื่อ 23 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา
และจะส่งออกลอตแรกในวันที่ 24 ก.พ. 2564 ถือเป็นผลสำเร็จในการเจรจาของสองประเทศที่ใช้เวลาถึง 9ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยที่จะมีตลาดคู่ค้าสินค้าเกษตรตัวใหม่ๆ ทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ขอฝากเกษตรกรให้ทำสินค้าให้มีคุณภาพที่ดีเพื่อรักษาตลาดส่งออก และจะเป็นโอกาสขยายไปยังตลาดในประเทศอื่นได้อีกในอนาคต
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
นายพิเชษฐ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2545 ไทยส่งออกมะม่วงไปเกาหลีใต้ได้เพียง 3 ชนิด คือมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแรด มะม่วงหนังกลางวัน
และเมื่อปี 2554 ทางไทยได้เจรจาเพื่อขอเปิดตลาดมะม่วงมหาชนกกับทางเกาหลีใต้ จนเมื่อ 14 ธค. 63 เกาหลีใต้ได้แจ้งผลการพิจารณาเงื่อนไขนำเข้าผลมะม่วงสดร่วมทั้งพันธุ์มหาชนกจากไทยและได้ประกาศข้อกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าอย่างเป็นทางการ โดยให้กวก.แจ้งผลการตรวจรับรองสวนมะม่วงเพื่อการส่งออกตามข้อกำหนดของเกาหลีใต้และไทยที่ตกลงร่วมกัน
ซึ่งกรมได้ส่งหนังสือและข้อมูลดังกล่าวตอบกลับไปเมื่อ 4ก.พ.2564 จนได้รับข่าวดีเมื่อ 23 ก.พ. 64 ทั้งนี้เกษตรกรและโรงงานที่จะส่งออกนั้นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรตามข้อตกลงร่วมกับเกาหลีใต้ ลอตแรกประเดิม 100 กิโลกรัม คาดว่าเร็วๆนี้จะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามา
นางสาวชลธิชา รักใคร่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและกักกันพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่ามะม่วงมหาชนกที่จะส่งออกไปเกาหลีจะต้องผ่านการอบไอน้ำที่อุณภูมิ 40องศาเซลเซียส นาน20 นาที เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชทั้งนี้ผู้ต้องการส่งออกไปเกาหลีต้องขึ้นทะเบียนร่วมในโครงการ ส่งออกมะม่วงอบไอน้ำไปสาธารณรัฐเกาหลี
ปัจจุบันมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแปลงจีเอพีเพื่อส่งออกร่วมในโครงการประมาณ 746 ราย ทั้งนี้ในปี 2563 ไทยส่งออกมะม่วง 3 ชนิดปริมาณ 7,933 ตัน มูลค่าสูงถึง 739,615,892 บาท ปัจจุบันมีผู้ประกอบการส่งออก 63 ราย และโรงงานอบไอน้ำ 12 รายเข้าร่วมโครงการ