วัคซีน "ซิโนฟาร์ม" ล็อตแรก ถึงไทยแล้ว
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยภาพล่าสุด วัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" ล็อตแรกถึงไทยแล้ว
หลังจากเมื่อวานนี้ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เปิดเผยภาพของวัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" จำนวน 1 ล้านโดส ที่กำลังดำเนินการขนส่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และจะถึงประเทศไทยในวันนี้(20 มิถุนายน 2564) เวลา 11.00 น. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (20 มิถุนายน 2564) เวลา 09.54 น. เพจเฟซบุ๊ก "โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" ได้โพสต์ภาพของวัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" ล็อตแรก ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว โดยระบุว่า วันที่ 20 มิถุนายน 2564 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำโดย พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และคณะร่วมรอรับวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มล็อตแรก จำนวน 1 ล้านโดส ณ คลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งวัคซีนถูกขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG8669 (เที่ยวที่ 1) จำนวน 5 แสนโดส ออกจากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เวลา 5.30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงประเทศไทย เวลา 9.03 น.
และ (เที่ยวที่ 2) ขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG675 จำนวน 5 แสนโดส ออกจากเมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เวลา 6.30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงประเทศไทย เวลา 10.04 น. รวมจำนวนวัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรกที่ส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว จำนวน 1 ล้านโดส
จากนั้นลำเลียงตู้ควบคุมอุณหภูมิบรรจุวัคซีนขึ้นรถขนส่งไปจัดเก็บยังคลังวัคซีน บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนจะกระจายจัดส่งสู่โรงพยาบาลต่างๆที่รับฉีดให้องค์กรที่ได้รับจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มในวันที่ 23-24 มิถุนายน 2564 และสามารถเริ่มให้บริการฉีดได้ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2564 นี้
สำหรับ วัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตแรก จะถูกส่งนำไปเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท ไบโอเจนเนเทค จํากัด และในวันที่ 21 มิถุนายน จะส่งวัคซีนไปตรวจสอบประสิทธิภาพกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 วัน ก่อนกระจายวัคซีนไปยังหน่วยงานและองค์กรที่ขอรับการจัดสรร และจะฉีดเข็มแรกพร้อมกันในวันที่ 25 มิถุนายน 2564 นี้
อ่านข่าว มาแล้ว ภาพล่าสุดวัคซีน "ซิโนฟาร์ม" 1 ล้านโดส กำลังเดินทางมาไทย
โดยการจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ตามที่หน่วยงานและองค์กร ยื่นขอรับการจัดสรร ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน ซึ่งพิจารณาจากประเภทธุรกิจและความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจที่มีผลต่อการขับเคลื่อนประเทศ และอยู่บนพื้นที่เสี่ยง โดยภาคองค์กรที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมากที่สุด ได้แก่
ภาคธุรกิจบริการด้านอุปโภคและบริโภค คิดเป็น 17.42 เปอร์เซ็นต์
ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต 14.80 เปอร์เซ็นต์
ภาคธุรกิจการเงิน 11.58 เปอร์เซ็นต์
และกลุ่มองค์กรด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 10.82 เปอร์เซ็นต์
ส่วนองค์กรที่ได้รับการจัดสรร 100 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ภาคกลุ่มองค์กรด้านการศึกษา และภาคกลุ่มองค์กรการกุศล