ส่องสัญญาณ'ความเครียด'
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19..ส่องสัญญาณ'ความเครียด'..ช่วงนี้คุณมีอาการแบบนี้หรือไม่
ภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกคนมีความเครียดและกังวลใจ
อีกสิ่งสำคัญนอกจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ควรดูแลจิตใจของให้เราให้แข็งแรงด้วย เรามาเสริมความแข็งแรงจิตใจพร้อมจัดการกับความเครียดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆอย่างถูกวิธี
ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ในการเผชิญกับวิกฤต
ช่วงนี้คุณมีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่ แนะนำให้สังเกตอาการเหล่านี้หากใช่แสดงว่าคุณมี"ความเครียด"
- อารมณ์เปลี่ยนแปลง แปรปรวน
- กลัว เครียด กังวล
- เบื่อ เฉยชา
- หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
- นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท
- ฝันร้ายต่อเนื่องเรื้อรัง
- พฤติกรรมการกินผิดปกติ บางรายกินไม่ลง บางรายกินมากผิดปกติ
- รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่สดชื่น เฉื่อยชาลง
- ลดกิจกรรมลงอย่างชัดเจน เบื่อ ไม่อยากทำอะไร
- สมาธิจดจ่อไม่ดี หลงๆ ลืมๆ ทำงานบกพร่อง
- สูญเสียการตัดสินใจ
-บางคนดื่มแอลกอฮอล์หนักขึ้น หรืออาจสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติดมากขึ้น
-ผู้ป่วยที่มีโรคทางกาย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ ในระยะนี้อาการกำเริบแปรปรวน เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ปวดตามตัวหรือมีผื่นขึ้น ตื่นตระหนก ฯลฯ
-เริ่มรู้สึกท้อแท้หมดหวัง รู้สึกไร้ค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่
สิ่งสำคัญคือ คนจำนวนมากไม่ตระหนักว่ามีความผิดปกติด้านอารมณ์ เมื่อไม่รู้ตัวก็ไม่ได้จัดการอย่างถูกต้องจนอาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงาน สมาธิไม่ดี ทำงานบกพร่องหรืออารมณ์แปรปรวนจนมีปัญหาความสัมพันธ์ทั้งเรื่องส่วนตัวและกับเพื่อนร่วมงาน
"ความเครียด"สะสมยังอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดนำชีวิตดิ่งลงได้โดยง่าย
4 คำแนะนำจากจิตแพทย์ ในการจัดการกับ"ความเครียด" ไม่ให้ใจป่วย
1. อย่าทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
"ความเครียด"ระยะยาวอาจทำให้เกิดภาวะท้อถอย หมดหวัง นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย เช่น การทำร้ายตัวเอง การฆ่าตัวตาย การลาออกจากงาน การย้ายที่อยู่ การขายบ้าน การหย่าขาดจากคู่สมรส การตัดสินใจผิดพลาดทางธุรกิจ การทะเลาะกับคนใกล้ชิด การกระทบกระทั่งกันในหมู่เพื่อนในระหว่างที่เราเผชิญกับ"ความเครียด"
อารมณ์ที่ไม่เป็นปกติทำให้มีโอกาสตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ โดยไม่รอบคอบ คำแนะนำเบื้องต้น คือ ระหว่างนี้ไม่ควรมีการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น เพียงประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์แต่ละวัน รักษาตัวให้ดี
2. ติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น
อาจเช็กข่าวสักวันละครั้งก็เพียงพอ เลือกรับข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ลดการเสพโซเชียลมีเดีย ระมัดระวังข่าวปลอม
3. ตรวจสอบอาการทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของตัวเองสม่ำเสมอ
เฝ้าระวังอาการซึมเศร้า การนอนที่ผิดปกติ การดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น หากมีอาการเหล่านี้จนถึงขั้นกระทบศักยภาพ หน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์ ควรพบแพทย์โดยเร็ว
4. ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีคุณค่า
แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเราก็จำเป็นต้องดำเนินชีวิตให้เป็นปกติ สามารถจัดการกิจวัตรแต่ละวันอย่ามัวแต่จดจ่ออยู่กับข่าวจนป่วยทั้งใจและกาย