รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เปิดหลักเกณฑ์พิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" ให้ผู้ป่วย "โควิด-19"
"โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ" ประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" ให้ผู้ป่วย "โควิด-19"
(23 ก.ค.2564) ถึงจุดนี้แล้ว "โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ" ประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" (Withholding Intubation) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19"
โดยในใจความสำคัญของประกาศจาก "โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ" เกี่ยวกับ หลักเกณฑ์การพิจารณาไม่ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" ให้แก่ผู้ป่วย "โควิด-19" แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1.ผู้ป่วยมีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้า
มีการแสดงเจตนาโดยวาจาหรือโดยลายลักษณ์อักษร หรือไม่ประสงค์ให้ใส่ "ท่อช่วยหายใจ" หรือมีการประชุมครอบครัวร่วมกับผู้ตัดสินใจแทน แล้วมีข้อสรุปไม่ประสงค์ใส่ท่อช่วยหายใจ
ตามประกาศคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง นิยามปฏิบัติการของคำที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลแบบประคับประคอง สำหรับประเทศไทย พ.ศ.2563 "ผู้ตัดสินใจแทน หมายถึง "บุคคลที่ได้รับการมอบหมายจากผู้ป่วยให้ทำหน้าที่ตัดสินใจเลือกการรักษาที่เป็นไปตามความต้องการ ของผู้ป่วยขณะยังมีสติสัมปชัญญะ หมายรวมถึง ผู้แสดงเจตนาแทน หรือ บุคคลที่มีหน้าที่อธิบายความประสงค์ที่แท้จริงของผู้ทำหนังสือแสดงเจตนา โดยจะทำหน้าที่เมื่อผู้ป่วยหมดความสามารถในการตัดสินใจแล้ว สำหรับกรณีที่ไม่มีการมอบหมายไว้ ญาติหรือผู้ดูแลใกล้ชิด และทีมสหสาขาวิชาจะร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ
2.ผู้ป่วยไม่ได้มีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้า โดยแพทย์ผู้ดูแลพิจารณาไม่ใส่ท่อช่วยหายใจเมื่อมีผู้ป่วยมีลักษณะอย่างน้อย 2 ข้อจาก 4 ข้อดังต่อไปนี้
1.อายุมากกว่า 75 ปี
2.Charlson Comorbidity Index (CCI) > 4 ตามหลักเกณฑ์การให้คะแนนที่ปรากฏในเอกสารข้างต้น
3.Clinical Frailty Scale (CFS) ซึ่งมีความหมาย ดังนี้
- CFS 6 หมายถึง มีความเปราะบางระดับป่านกลาง (moderate frailty) คือ ผู้ป่วยที่ต้องการการช่วยเหลือในการทำกิจกรรมทุกอย่างทั้งนอกบ้านและในบ้าน ผู้ป่วยมักมีปัญหาในการใช้บันได ต้องการการช่วยเหลือในการอาบน้ำ และอาจต้องการการช่วยเหลือเล็กน้อยในการแต่งตัว
- CFS 7 หมายถึง มีความเปราะบางระดับรุนแรง (severe frailty) คือ ผู้ป่วยที่มีภาวะโดยสมบูรณ์ (completely dependent ในการดูแลตนเองจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ทั้งทางกายภาพหรือการทำงานของสมอง อาการคงที่และไม่ได้กำลังจะเสียชีวิตภายใน 6 เดือน
- CFS 8 หมายถึง มีความเปราะบางระดับรุนแรงมาก (very severe frailty) คือ ป่วยที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์ในการดูแลตนเอง และอยู่ในระยะท้ายของชีวิต (end of life) ส่วยมากจะไม่สามารถฟื้นตัว (recover) ได้แม้จะเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย
- CFS 9 หมายถึง อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต (terminally ill) คือ ผู้ป่วยที่คาดว่าจะเกิน 6 เดือนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีภาวะเปราะบางระดับรุนแรง
4. เป็นผู้ป่วยระยะท้าย (end-of life) โดยมีลักษณะต่างๆซึ่งประยุกต์จาก The Gold Standards Framework (GSF) Proactive Identification Guidance (PIG) Identify 2016 และ SPTCT Criteria 2019 อย่างน้อย 2 ข้อ คือ
- Palliative Performance Scale < 50% หรือ ECOG > 2
- โรคมะเร็งที่อยู่ในระยะลุกลาม ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
- ตัวเลือกของการรักษา คือ จะไม่รักษาตัวโรคต่อไปอย่างเต็มที่ (active treatment) แต่มุ่งเน้นที่คุณภาพชีวิต
- โรคอื่นๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ที่สำคัญ เช่น
- NYHA Class IIIV heart failure ที่เหนื่อยตลอดเวลาแม้ขณะพักนอนโรงพยาบาลด้วยเรื่อง heart failure > 3 ครั้งใน 6 เดือน หรือ 1 ครั้งสำหรับผู้ป่วยที่อายุมากกว่าหรือ 75 ปี
- COPD ที่มี FEV 1 < 30% predicted, on long term oxygen therapy, มีอาการหอบมาที่ห้องฉุกเฉินบ่อยครั้งแม้จะใช้ยาอย่างเต็มที่แล้ว หรือนอนโรงพยาบาลด้วยเรื่อง COPD > 3 ครั้ง/ปี
- ESRD ที่ไม่ต้องการทำการบำบัดทดแทนไต หรือ อาการแย่ลงแม้จะได้รับการบำบัดทดแทนไตแล้ว
- Cirrhosis ที่มี intractable asceites หรือมี encephalopathy
มีโรคทางระบบประสาทรุนแรง หรือมีภาวะปริชาญปัญญาบกพร่องอย่างมาก ซึ่งมีอาการแสดง เช่น นอนติดเตียง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้อยู่ในสภาวะเป็นผัก ไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูด ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ มีประวัติปอดติดเชื้อจากการสำลักบ่อยครั้งหรือมีประวัติระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รพ.สนามธรรมศาสตร์ อยู่ในระดับเกินคับขัน ระบบใกล้ล่มสลาย รับผู้ป่วย "โควิด" ไม่ได้แล้ว
ด่วน "โควิดวันนี้" 14,575 รายทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง เสียชีวิตหลักร้อย
"โรงพยาบาลราชวิถี" เปิดรายละเอียด Walk-in "ฉีดวัคซีน" วันนี้ถึง 30 ก.ค.2564
ด่วน "ฉีดวัคซีน" "แอสตร้าเซนเนก้า" แบบ Walk-in ที่ "ไทยพาณิชย์" สำนักงานใหญ่