"คุณยาย" ปัด "ระเบิด" ไม่พ้น
เรื่องร้อนในอาณาจักรธรรมกายอันลือลั่นที่ไปมีเอี่ยวในคดีฟอกเงิน "สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น" ถ้าเป็นการต่อสู้ก็เรียกว่ามาจ่อคอหอยแล้ว
เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้พบหลักฐานว่าปมคดีมีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับ “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง” และจะดำเนินการให้มูลนิธิแห่งนี้กลายเป็นอดีต!!
คนไทยอ่านถึงตรงนี้หลายคนใจตุ๊มๆ ต่อมๆ สงสัยกันว่า “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง” ไปเกี่ยวข้องกับคดีในรอยต่อช่วงไหน
แต่ที่รู้แน่ๆ คือชื่อของมูลนิธิก็มาจากนามของ “แม่ชีจันทร์” หรือ “คุณยายจันทร์” บุคคลที่คนธรรมกายสุดเทิดทูน
เพราะท่านก็คือผู้ถ่ายทอดวิชาธรรมกายให้แก่ “ไชยบูลย์ สุทธิผล” หรือ พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย แล้วชวนกันก่อตั้งวัดพระธรรมกาย นั่นเอง
กำเนิดจาก “โนเนม”
ว่ากันที่คุณยายจันทร์ ขนนกยูง เธอเป็นเพียงลูกชาวนา อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม ที่ใครกันจะคาดคิดว่าท่านจะกลายมาเป็นบุคคลที่คนธรรมกายกราบไหว้บูชา
คุณยายจันทร์ มีพ่อชื่อพลอย แม่ชื่อพัน ครอบครัวจัดว่าไม่รวยแต่ไม่จน หากแต่ฝ่ายพ่อนั้นขี้เมา จนมีเหตุให้ได้กล่าวคำแช่งตัวคุณยายไว้ในตอนเป็นเด็ก
ด้วยความกลัวจึงคิดที่จะร่ำเรียนวิชาธรรมกายเพื่อแก้กรรมกับคุณพ่อ หลังจากได้ยินชื่อเสียงมาว่า พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ นั้น มีวิชาธรรมกายที่ไปนรก สวรรค์ ไปนิพพานได้
ราวปีพ.ศ.2481 คุณยายได้ย้ายมาขออาศัยและช่วยดูแล “คุณยายทองสุก” ผู้ซึ่งปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำ ร่ำเรียนวิชาธรรมกายอยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นคุณยายจันทร์จึงมีโอกาสได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่สดและฝึกวิชาธรรมกายอย่างจริงจังจนเข้าขั้นศิษย์เอกที่หลวงปู่สดถึงกับกล่าวว่า “ลูกจันทร์นี่เป็นหนึ่งไม่มีสอง”
ต่อมาหลวงปู่มรณภาพลงเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2502 บรรดาลูกศิษย์นักปฏิบัติธรรมวิชาธรรมกายทั้งหลายต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง
หากแต่คุณยายยังคงอาศัยอยู่กับคุณยายทองสุกที่บ้านธรรมประสิทธิ์ในวัดปากน้ำ ปฏิบัติกิจภาวนาต่อไป จนกระทั่งคุณยายทองสุกเสียชีวิตจากไป
ต่อมาปี 2506 คุณยายได้พบ “ไชยบูลย์ สุทธิผล” นิสิต ม.เกษตร ที่มาขอเรียนธรรมปฏิบัติ ซึ่งภายหลังก็คือ “หลวงพ่อธัมมชโย” นั่นเอง
จากนั้น “เผด็จ ผ่องสวัสดิ์” หรือหลวงพ่อทัตตชีโว ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมสถาบันก็ตามมาด้วยและยังชักชวนเพื่อนนิสิตมาปฏิบัติธรรมกับคุณยายเป็นจำนวนมาก จนคุณยายจึงมีดำริที่จะสร้างวัดขึ้น
โดยนับเป็นบุญเมื่อคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี ได้ยกที่ดิน 196 ไร่ 9 ตารางวา ณ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้เพื่อสร้างวัดในปี 2512
กระทั่งปี 2518 การสร้างวัดเสร็จสิ้นไปมาก ทั้งหมดจึงย้ายมาอยู่ที่ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรมในที่สุด กระทั่งปี 2524 จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดพระธรรมกาย”!!
หลังจากนั้นวัดพระธรรมกายก็รุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ถึงขนาดสามารถซื้อที่ดินเนื้อที่ 2,000 ไร่เศษ จากกองมรดกของ ม.ร.ว.สุวพันธ์ สนิทวงศ์ เพื่อจัดสร้างเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิบัติธรรม
ผ่านไปปีเดียว มหาธรรมกายเจดีย์ก็เริ่มการก่อสร้างและแล้วเสร็จในปี 2542 การประดิษฐานองค์พระธรรมกายภายนอกของมหาธรรมกายเจดีย์เสร็จสมบูรณ์
พร้อมๆ กับที่มีการหล่อรูปเหมือนคุณยายจันทร์ ด้วยทองคำบริสุทธิ์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541
แต่ช่วงนั้นคุณยายจันทร์มีอายุมากแล้วกระทั่งได้ละสังขารไปด้วยโรคชราตอนเช้ามืดวันที่ 10 กันยายน 2543 ณ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ กรุงเทพฯ รวมสิริอายุได้ 91 ปี
แหล่งรวม “บิ๊กเนม”
จากวันนั้นปรากฏว่าวัดพระธรรมกายมาไกลมาก ขนาดที่คนไทยเหมือนเกิดมาแล้วรู้เลยว่าที่นี่ยิ่งใหญ่แค่ไหน มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมหาศาล มีโครงการทางธรรมะมากมายไม่รู้จบ
โดยนอกจากความอลังการของอาคารต่างๆ ทั้งรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่่สุดติ่งเหนือชั้นแล้ว งบประมาณในการก่อสร้างของทุกโครงการก็อลังการไม่แพ้กัน
เฉพาะในส่วนที่เป็นชื่อของ “คุณยายจันทร์” ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์ถึงท่านนั้น มีทั้งวิหารคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, หอฉันคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และอาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งอันหลังใช้งบกว่า 5,000 ล้านบาท ในการก่อสร้าง!
อีกความยิ่งใหญ่คือบรรดาลูกศิษย์ของที่นี่มีหลายระดับ ตั้งแต่ชาวบ้านไปจนถึงอภิมหาเศรษฐี! ที่ก็เป็นคำอธิบายได้ว่างบการก่อสร้างทั้งหลายภายในเขตรั้วอาณาจักรของวัดนี้มาจากไหน
เพราะว่ากันว่า แต่ละคนได้บริจาคให้วัดพระธรรมกายเป็นเงินมหาศาล หรือบางรายก็มีรายชื่อเป็นเจ้าภาพกิตติมศักดิ์พิเศษในงานต่างๆ ของวัด
ที่รู้จักกันดี เช่น อนันต์ อัศวโภคิน, บุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัว, ดร.ประกอบ (อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์) และวรรณา จิรกิติ, ศศินา วิมุตตานนท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 7, บรรณพจน์-บุษบา-พลภูมิ ดามาพงศ์, สุริยะ-สุริสา-ศาตนันท์ จึงรุุ่งเรืองกิจ, สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.ศึกษาฯ และคนอื่นๆ อีกมากมาย
หนึ่งในนั้นที่ต้องไฮไลท์คือ “วรรณา จิรกิติ” น้องสาวของ “บุญชัย เบญจรงคกุล” เศรษฐีชื่อดังที่คนไทยเรียกว่า “เสี่ยดีแทค”
เพราะเธอคือประธานกรรมการ “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง” ที่กำลังโดนคดีฟอกเงินอยู่ตอนนี้!
อย่างไรก็ช่วงตุลาคมที่ผ่านมา วรรณาได้เข้าพบดีเอสไอและได้ปฏิเสธพร้อมยื่นพยานหลักฐานกับดีเอสไอแล้ว ส่วนอารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ เลขานุการมูลนิธิ ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้จากโรคไต
กล่าวสำหรับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง จดทะเบียนก่อตั้ง 30 กรกฎาคม 2547 มี วรรณา จิรกิติ เป็น “ประธานกรรมการ”
ต่อมาปลายปี 2549 คณะกรรมการมีมติมอบอำนาจให้วรรณาเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนมูลนิธิและมีอำนาจสั่งจ่ายเงินในจำนวนที่สูงกว่าข้อบังคับของมูลนิธิ
ส่วนรองประธานกรรมการและกรรมการอีก 5 คน เป็นบุคลากรในแวดวงโฆษณาประชาสัมพันธ์ การศึกษา บางคนมีชื่อเป็นบุคคลใกล้ชิดของวัดพระธรรมกาย ที่เรียกว่า “กัลยาณมิตร”
ทั้งนี้มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง นับเป็น 1 ใน 3 มูลนิธิของวัดพระธรรมกายที่มียอดเงินบริจาคมากที่สุดตลอด 13 ปี ตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้ง (2547)
ทรัพย์สินของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เกือบทั้งหมดเป็นที่ดินและอาคาร ซึ่งก่อสร้างในนามโครงการต่างๆ กว่า 20 โครงการ มีทั้งในพื้นที่ 2,000 ไร่ของวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี และในต่างจังหวัด
เป็นอันว่าอาณาจักรธรรมกายกำลังสั่นไหวที่ไข่แดง “มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง” หรือชื่อเต็มคือ มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย)
เราคนไทยคงต้องติดตามกันอย่างเกาะติดว่าที่สุดแล้ววัดพระธรรมกาย และเหล่าสาวกจะเจออะไรอีกบ้าง ที่แน่ๆ มันจะไม่จบแค่ตรงนี้ จับตาดูได้เลย