
เสี้ยวชีวิต "มนตรี" จากโคลนตมสู่ "เจ้าพ่อโปรเจกท์"
เส้นทางนักการเมืองหนุ่ม-มนตรีก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยการสนับสนุนของ "หม่อมคึกฤทธิ์" จากรองเลขาธิการพรรค ขยับเป็นเลขาธิการพรรคในวัย 46 ปี
**************************
"มนตรี พงษ์พานิช” ไม่ใช่ลูกอยุธยาโดยกำเนิดเพราะ “เสี่ยหมึก” เป็นลูกชายของจำรัส-พริ้ง พงษ์พานิช ชาว อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก
“มาจากโคลน” ถ้อยวลีนี้ มนตรี หรือที่นักข่าวเรียกว่า “เสี่ยหมึก” มักเกริ่นนำทุกครั้งที่เล่าชีวิตตัวเอง
จากพิษณุโลก มนตรีร่อนเร่ไปอยู่กับพี่ชาย จนเรียนจบจากโรงเรียนยุพราชเชียงใหม่ แล้วก็ล่องเมืองกรุง เรียนจบช่างกลปทุมวัน ไปทำงานเป็นลูกจ้างกรมทางหลวง สอบชิงทุนไปฝึกงานและเรียนต่อในโรงเรียนช่างกลระดับสูงในเยอรมันตะวันตก เทียบเท่าปริญญาโท
มนตรีใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศ 8 ปี กลับเมืองไทยทำงานกับบริษัท บี.กริมแอนด์โก เป็นนายช่างใหญ่ แต่งงานกับคุณหญิงธิดา พงษ์พานิช ลูกสาวเจ้าของโรงสีอยุธยา ระหว่างที่ทำงานอยู่ บี.กริม มนตรีมีเพื่อนรักชาวอยุธยาคนหนึ่งนั่นคือ “พ้อง ชีวานันท์”
มนตรี พงษ์พานิช
บังเอิญน้าชายของคุณหญิงธิดา เป็นนักการเมืองท้องถิ่นชื่อ “บุญพันธ์ แขวัฒนะ” และปี 2519 บุญพันธ์เป็นรองหัวหน้าพรรคเกษตรสังคม จึงชวนมนตรีลงสมัครส.ส.อยุธยา ในสีเสื้อเกษตรสังคม ทั้งคู่สอบได้
ถัดมาบุญพันธ์และมนตรีย้ายมาสังกัดพรรคกิจสังคม เพราะเสี่ยหมึกมีความเลื่อมใสในตัว “หม่อมคึกฤทธิ์” หัวหน้าพรรคกิจสังคมเวลานั้น
บุญพันธ์ แขวัฒนะ
นับแต่นั้นมาเส้นทางนักการเมืองหนุ่ม-มนตรีก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยการสนับสนุนของ “หม่อมคึกฤทธิ์” จากรองเลขาธิการพรรค ขยับเป็นเลขาธิการพรรคในวัย 46 ปี
เลือกตั้ง 2531 พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม แต่ศูนย์กลางของพรรคกลับอยู่ที่เสี่ยหมึกในฐานะแม่บ้านพรรค เนื่องจาก พล.อ.อ.สิทธิ ยังติดนิสัย
ข้าราชการประจำ ไม่มีความเป็นนักการเมือง ไม่มีความสัมพันธ์กับลูกพรรค
ตรงกันข้ามเสี่ยหมึกมีสไตล์ทำงาน “ถึงลูกถึงคน” แบบนักเลงลูกทุ่ง มีความโดดเด่นในการเป็น “นักต่อรอง” “นักประสานผลประโยชน์” และ “นักเฉลี่ยผลประโยชน์” จึงมีลูกพรรคมาติดสอยห้อยตามเกือบทั้งพรรค
มนตรีเรียนกลยุทธ์การเมืองเหล่านี้มาจาก “บุญพันธ์ แขวัฒนะ” เสี่ยหมึกจึงเป็นผู้ที่เข้าถึงจิตวิญญาณนักการเมืองแบบไทยๆ ได้ดีกว่า พล.อ.อ.สิทธิ หัวหน้าพรรคเวลานั้น
ด้วยบารมีที่มากล้นในพรรคกิจสังคม ในการเข้าร่วมรัฐบาลชาติชาย มนตรีจึงได้ตำแหน่ง “รัฐมนตรีคมนาคม” ปี 2533 มนตรีจึงเป็นคนอนุมัติโครงการโฮปเวลล์ โดยมีคนใกล้ชิดอย่าง อนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ อดีต ผอ.บริษัทไทยเดินเรือทะเล เป็นคนเดินเรื่อง
ตั้งแต่มนตรีเป็นรมช.คมนาคม ปี 2525 ก็ได้เพื่อนเก่า-พ้อง ชีวานันท์ เป็นที่ปรึกษา และพ้องได้ย้ายไปเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง เรียกว่ามนตรีได้โควตานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงไหน พ้องก็ต้องไปนั่งเป็นที่ปรึกษา
โครงการสำคัญๆ ไม่ว่าโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย ดาวเทียมไทยคม โฮปเวลล์ และสร้างถนน ในช่วงที่มนตรีนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีคมนาคมปี 2531-2533 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีโปรเจกท์เยอะที่สุด พ้องก็เป็นตัวละครที่ใกล้ชิดเหตุการณ์มากที่สุด
หลังมนตรีเสียชีวิต พ้องจึงสมัครส.ส.อยุธยา สานต่อมรดกการเมืองของมนตรี เป็นส.ส.อยุธยา อยู่หลายสมัย และวันนี้ นพ ชีวานันท์ ลูกชายของพ้อง ก็ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้แทนฯ กรุงเก่าแทนบิดา (เสียชีวิตแล้ว)