คอลัมนิสต์

สามมิตร คิดอะไร ไยเอื้ออาทร ธรรมกาย

สามมิตร คิดอะไร ไยเอื้ออาทร ธรรมกาย

20 ส.ค. 2562

คอลัมน์...  กระดานความคิด   โดย...  บางนา บางปะกง

 

 

 

          ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไปร่วมประชุมกับ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ที่พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 

 

 

          วันนั้น พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รายงานกรณีการดำเนินการกับวัดพระธรรมกายซึ่งมีพระผู้ใหญ่ และผู้เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีหลายราย รวมทั้งถูกถอดสมณศักดิ์กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญา ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเกี่ยวโยงกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 


          ตอนหนึ่ง พ.ต.ท.พงศ์พร พูดถึงสถานการณ์ของวัดพระธรรมกายว่า ตอนนี้เสื่อมศรัทธาลงไปมาก เงินบริจาคค่อยๆ ลดลงจนติดลบ 800 ล้านบาท


          ผู้ติดตามข่าวสารบางส่วนโล่งอก นึกว่าเรื่องวัดพระธรรมกายจะเงียบหายไปเสียแล้ว แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ในที่ประชุม ครม. วันอังคารที่ผ่านมา มีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นคือ แต่งตั้ง “สมเกียรติ ศรลัมพ์” หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เทวัญ ลิปตพัลลภ)


          ด้วยเหตุนี้ จึงมีเสียงวิจารณ์อื้ออึง กรณีตั้ง “สมเกียรติ” ศิษย์วัดพระธรรมกายมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 


          หลายคนคงจำได้ ในปฏิบัติการตามล่า พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จากคดีฟอกเงินและรับของโจร ถึงขั้น คสช.ต้องประกาศใช้มาตรา 44 กระชับพื้นที่วัดพระธรรมกาย โดยระหว่างนั้น สองอดีต ส.ส.เพื่อไทย อย่าง พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ และสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้มาแสดงตัวต่อสื่อมวลชนว่าพร้อมจะปกป้องพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย 

 

 

สามมิตร คิดอะไร ไยเอื้ออาทร ธรรมกาย

สมศักดิ์-อนงค์วรรณ เทพสุทิน

 


          นอกจากนั้น สมเกียรติได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง จนถึงทุกวันนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีป้ายแดงยังได้โพสต์ความเห็นเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมที่อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้รับจากรัฐบาลยุค คสช.




          สำหรับพรรคประชาภิวัฒน์ มีแกนหลักอยู่ 2 คนคือ สมเกียรติ ศรลัมพ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท


          เลือกตั้ง 2554 “นันทนา” สังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่อยู่ในมุ้งมัชฌิมาของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และปลายปี 2556 ได้หอบหิ้วกันย้ายกลับพรรคเพื่อไทย


          ก่อนย้ายกลับเพื่อไทย สมศักดิ์-อนงค์วรรณ เทพสุทิน พร้อมด้วยชาวธรรมกาย ได้ทำพิธีตอกเสาเข็มต้นแรก สถาปนา “ปทุมรัตน์ธรรมเจดีย์” เพื่อเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำโขง


          จริงๆ แล้ว สมศักดิ์มีแนวคิดจะสร้างพุทธอุทยาน ในนามมูลนิธิพุทธอุทยานนานาชาติ บนที่ดิน 300 ไร่ ที่อยู่เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงและถนนทางหลวงแผ่นดินสายหนองคาย-บึงกาฬ มาตั้งแต่ปี 2548 แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก่อสร้าง เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเสียก่อน

 

สามมิตร คิดอะไร ไยเอื้ออาทร ธรรมกาย

สมเกียรติ ศรลัมพ์

 


          กระทั่งปลายปี 2555 สมศักดิ์-อนงค์วรรณ จึงถวายที่ดินผืนดังกล่าวให้วัดพระธรรมกาย เพื่อนำไปสร้างปทุมรัตน์ธรรมเจดีย์ และช่วงหลัง สมศักดิ์ก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับชาวธรรมกายที่พุทธอุทยานฯ ริมโขง


          ใกล้เลือกตั้ง 2562 นันทนาตัดสินใจมาร่วมทำพรรคประชาภิวัฒน์ เนื่องจากสนามเลือกตั้งชัยนาท พี่ชาย มณเฑียร สงฆ์ประชา กับอนุชา นาคาศัย จองไว้แล้ว 


          ช่วงหาเสียง สมเกียรติ และนันทนา ไม่ได้หาเสียงในประเด็นเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่พระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีอาญา เพราะเกรงจะถูกต่อต้านจากบางฝ่าย แต่ชาวธรรมกายก็รู้ว่า สมเกียรติเป็นศิษย์เอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ


          สมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่คิดไม่ฝันว่า จะมานั่งที่กระทรวงยุติธรรม เพราะตั้งเป้าไว้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อเกิดความไม่ลงตัวทางการเมือง จึงเดินหน้ามาที่กระทรวงยุติธรรม


          ลำพังเรื่องปทุมรัตน์ธรรมเจดีย์ สาขาธรรมกายริมโขง ยังถูกโยงมาพันตัวเองอีนุงตุงนัง เหตุใดสมศักดิ์จึงดันสมเกียรติ ศรลัมพ์ ไปอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ให้คนเขาแอบนินทาว่า กำลังหาทางช่วยพระเดชพระคุณท่านหรือไม่ ?


          กรณีวัดพระธรรมกายริมโขง สมศักดิ์อาจบอกว่า ตนเองเข้าวัดใหญ่ย่านคลองหลวงเพียงครั้งเดียว แต่กรณีสมเกียรติ ปฏิเสธยากยิ่งกว่าครั้งแรก สามมิตรคิดอ่านยังไง จึงหาเรื่องให้ “ลุงตู่” ปวดหัวอยู่เรื่อยๆ