"บิณฑ์" ของแท้ ไม่เจ๋งจริง อย่าก๊อป
รายงานพิเศษจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 21-22 ก.ย.62
มรสุมดราม่าน้ำท่วม "ใครขโมยซีนใคร" ระหว่างคนดังใจบุญ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” กับคนใหญ่กว่าที่กำลังถาโถม ฝ่ายหลังก็เกือบเซซัดไปเหมือนกัน
ดีที่ตั้งตัวติด ตั้งโต๊ะรับโทรศัพท์ เงินบริจาคหลั่งไหลเข้ามาท่วมท้น ถือว่าคนรับอานิสงส์ก็คือ “พี่น้องชาวอุบลราชธานี” ที่กำลังเดือดร้อนจากมหาอุทกภัยครั้งนี้
ถามใจคนไทย ใครจะอะไรยังไง ตอนนี้ไม่สำคัญเท่ากับความประทับใจในตัวอดีตพระเอกดัง ที่ถึงวันนี้ถ้าเอ่ยชื่อบิณฑ์ แบรนด์นี้พิสูจนแล้วว่า “ของจริง”...ไม่เฟค!
ดาวต้องเป็นดาว
เรื่องราวของดาราจิตอาสา บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ หรือชื่อเดิมคือ “ท็อป บรรลือฤทธิ์” คนไทยได้ยินมาเนิ่นนาน นานจนเงียบหาย แล้วกลับมาได้ยินใหม่อีกครั้งตอนนี้
แต่ระหว่างทางที่เงียบหายเขาก็ยังคงทำงานเป็นเทวดาเดินดินให้ผู้ทุกข์ยากมาเรื่อยๆ โดยเคยบอกว่าไม่หวังอะไรตอบแทน แต่เราภูมิใจในตัวเอง
หลายคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อาจไม่รู้ว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ลงพื้นที่ช่วยคนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี นั่นแปลว่าเขาทำมาตั้งแต่ที่เพิ่งย่างเข้าวงการบันเทิง
ตามประวัติหลังไปสมัครเป็นนักแสดงหน้าใหม่กับ คมน์ อรรฆเดช ได้เล่นเรื่องแรก “ข้ามากับพระ” ในปี 2527 อันเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อเป็น “บิณฑ์" เพื่อให้เข้ากับหนัง จนใช้ชื่อนี้มาตลอด
ซึ่งหนังก็ประสบความสำเร็จเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรกคือ “แผลเก่า” ในปี 2531 กับนางเอกนางงาม “เอ้” ชุติมา นัยนา
ปรากฏว่า “ไอ้ขวัญ” ในลีลาของบิณฑ์วัย 26 ได้รับเสียงตอบรับจากคอละครล้นหลามจนส่งผลให้มีงานในวงการอีกเพียบ ขึ้นชั้นพระเอกเบอร์ต้นของบันเทิงไทย
แต่นั่นคือฉากในแสงสีของเด็กหนุ่มแห่งอีสานใต้ จ.สระแก้ว ที่เดินทางมาไกลถึงเมืองกรุง ความหวังแค่จบสายอาชีวะที่โรงเรียนกรุงเทพโปลีเทคนิคและทำมาหากินตามกำลัง กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เส้นทางสายอาสา
ทางที่เจ้าตัวเลือกเดินก็คือการทำงานจิตอาสา ที่ทำให้ภาพของบิณฑ์ “ดารากู้ศพ” เริ่มติดหูติดตาคนไทย
บิณฑ์ เคยเล่าว่า ที่เลือกร่วมงานกับ “มูลนิธิร่วมกตัญญู” เพราะในวัยเด็กซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนเคยได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิร่วมกตัญญู กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เลยฝังใจว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาสก็จะทำให้ได้อย่างนี้
ที่สุดพอเริ่มตั้งตัวติดจากชื่อเสียงเงินทองในการเป็นดาราจึงไม่รอช้าเลือกเข้าร่วมงานที่ “มูลนิธิร่วมกตัญญู” ตั้งแต่ราวปี 2529
แต่ถ้าจะพูดจริงๆ งานอาสาแรกที่ทำจริงจังในนามตัวเองไม่สังกัดใครก็ตอนที่มีข่าวตึกถล่มตรงข้ามโรงหนังเอเธนส์ ข่าวว่าต้องการจิตอาสาช่วยคนที่ติดอยู่ในซากตึกถล่ม
บิณฑ์ซึ่งเป็นดาราดังแล้วตัดสินใจไปช่วยทันที เห็นสองมูลนิธิดังกำลังขมีขมันทำงาน แต่มองเห็นว่ามูลนิธิร่วมกตัญญูมีคนน้อยกว่า จึงเลือกเข้าไปช่วยเหลือทางนี้ก่อน
กับแฝดพี่ เอกพันธ์ มักทำงานร่วมกันตลอด
วันนั้นเจ้าหน้าที่เอาเสื้อร่วมกตัญญูมาให้ยืมใส่ แต่ถึงวันนี้เขาก็ยังไม่ถอดออก บิณฑ์ในวัย 57 ยังคงทำงานที่นี่ จากอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยให้มูลนิธิมาสู่ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู
และทุกครั้งที่เมืองไทยมีเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่นั่นจะมีบิณฑ์ ทั้งสึนามิอันดามันปี 2547 เพลิงไหม้ซานติก้าผับปี 2552 อุทกภัยปี 2554 และเหตุการณ์ดังอย่างกรณี 13 หมูป่าติดถ้ำหลวง บิณฑ์และทีมไปลุยมาแล้ว ช่วยประสานเรื่องหน้ากากดำน้ำ อุปกรณ์ต่างๆ จนภายหลังผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เข้ามาดูแลจัดระเบียบ
ปรารถนาอันแรงกล้า
ข่าวคราวของบิณฑ์ทำให้หลายคนได้รู้ว่าบิณฑ์ไม่ใช่แค่ดารากู้ศพ ตลอดมาแต่เขายัง “กู้ชีวิต” อีกด้วย เพราะบิณฑ์ยังเข้าไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอีกมากมาย ทั้งบาดเจ็บ ล้มป่วย ยากจน ฯลฯ
โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บิณฑ์ควักเงินส่วนตัวบวกเงินบริจาคจากผู้คนสร้างบ้านให้ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง
แนวคิดนี้เริ่มจากตอนที่เขาดูแลผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งตามที่ต่างๆ แล้วพาไปพักพิงที่บ้านมุทิตาหลายคน เขาต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูร่วมเดือนละ 2 แสนกว่าๆ บิณฑ์คำนวณแล้วเมื่อจ่ายแบบนี้มา 4-5 ปี ทำไมไม่ทำเอง
ที่สุดจึงออกมาเป็น “บ้านสุขสุดท้าย” ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่ใน อ.ไทรน้อย นนทบุรี บิณฑ์เล่าว่า “อยากให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่ามาอยู่ที่นี่ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น อยู่ดี กินดี มีคนดูแลจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต” (สัมภาษณ์สื่อผู้จัดการ)
แม้ค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันมากแต่ที่ของเขาสามารถดูแลได้ราว 20 คน 20 เตียง
ล่าสุดในช่วงน้ำท่วมอุบลฯ บิณฑ์เพิ่งโพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์กลับมาช่วยเหลือคุณตาคนหนึ่งเพื่อพากลับไปพักพิงที่บ้านสุขสุดท้าย ใครที่ติดตามจะพบว่างานที่บิณฑ์และทีมทำอยู่นั้นไม่ได้สวยหรูเลย
และนั่นคือบทบาทของบิณฑ์กับภารกิจเพื่อคนชราที่เจ้าตัวบอกว่านี่คือ “ความปรารถนาอันแรงกล้า” ของตนเอง
ความดีติดแบรนด์
โบราณบอก “ความดังไม่คงที่ ความดีสิคงทน” แต่ของบิณฑ์คือ “ความดีตีแบรนด์” เพราะเรื่องราวที่ทำมาตลอดหลายสิบปีของเขากำลังได้รับการพูดถึง บอกต่อ ฉายซ้ำ เหมือนเจ้าตัวกลับมาแจ้งเกิดอีกรอบ
โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ในโลกข่าวสารออนไลน์ บิณฑ์กำลังเป็นยอดมนุษย์อีกคนในจักรวาลฮีโร่เมืองไทย คงไม่ต้องเอ่ยชื่อว่ามีใครบ้างที่เป็นตัวจริง
แบรนด์บิณฑ์แข็งแกร่งขนาดที่คนไทยถ้าได้ยินชื่อ “บิณฑ์” จะนึกถึงคำว่า “พ่อพระ” คนเดือดร้อนถ้าเห็นบิณฑ์มาตรงหน้า ก็จะคิดว่า “เทวดา”
ความเป็นแบรนด์เหล่านี้จะมีได้ ไม่ขำ เพราะบิณฑ์ไม่ใช่แค่ทำมานาน และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ดาราคนเดียวที่ทำงานกับมูลนิธิร่วมกตัญญู หรืองานจิตอาสา แต่บิณฑ์แตกต่างตรงที่ “ทำถึง ลุยถึง และรู้จักใช้สื่อ”
บิณฑ์เข้าไปดูแลถึงความทุกข์ร้อนตั้งต้นของคนยาก ทั้งเรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่พัก การรักษาพยาบาล และฟื้นฟูจิตใจ ที่พักของบางรายต้องเรียกว่า “รู” บิณฑ์มุดเข้าไปจนถึงตัว ไม่รังเกียจเดียดฉันท์
ขณะเดียวกันบิณฑ์จะมีเฟซบุ๊กไว้แจ้งข่าวสารต่างๆ สิ่งนี้ช่วยต่อยอดงานของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างจังๆ ก็ยอดเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมที่ไหลเข้าบัญชีท่วมท้นก็มาจากบิณฑ์เฟซบุ๊กไลฟ์ไม่กี่นาที
น้ำตาปริ่มๆ สีหน้าห่วงกังวลของบิณฑ์ ถ้าใครมองว่าการแสดง แต่ภาพที่เห็นบิณฑ์ไปลุยมาเองถึงที่ก็ของจริงล้วนๆ ไม่ใช่สแตนด์อินแน่ๆ
ถึงขนาดนี้แล้วดรามง ดราม่า จะยังไง ก็คงไม่สะเทือนคนไทยที่พากันยอมรับในตัวบิณฑ์หมดแล้ว เพราะ “ของแท้” ไม่ใช่ “งานก๊อปเกรดเอ”
/////////////
ภาพจากเฟซบุ๊ก : บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ยอดบริจาค บช. 'บิณฑ์' ล่าสุดแตะ 380 ล้านบาท
-หนูน้อยน้ำใจงาม ทุบกระปุกช่วยพี่บิณฑ์บริจาคน้ำท่วม
-หนุ่มกรรชัยอดใจไม่ไหว ขอถามพี่บิณฑ์ตรงๆ
-'บิณฑ์' รุดให้กำลังใจอาสากู้ภัยลุยน้ำช่วย ปชช.จนป่วยติดเชื้อ