ทุกข้ออ้างฟังไม่ขึ้น ศาลรธน.เชือดธนาธร
ทุกข้ออ้างฟังไม่ขึ้น ศาลรธน.เชือดธนาธร
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ว่าการกระทำของนายธนาธร เข้าข่ายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 42 (3) ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ถือได้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เนื่องจากถือหุ้นในธุรกิจสื่อ
อ่านข่าว... ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ธนาธร พ้น ส.ส.คดีถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย
ศาลรัฐธรรมนูญได้อธิบายความหมายของคำว่าหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ ว่าหนังสือพิมพ์หมายรวมถึงนิตยสารด้วย การเลิกกิจการต้องจดแจ้งภายใน 30 วัน
ในส่วนบริษัท วี-ลัค มีเดีย จดทะเบียน 10 มกราคม 2551 แจ้งวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการสิ่งพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ และโฆษณาทุกรูปแบบ บริษัท ได้จดแจ้งการพิมพ์ตามพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์เมื่อปี 2551 ด้วย
ศาลชี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าบริษัท วี-ลัค มีเดีย จดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ก่อนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. ดังนั้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ยังมีสภาพประกอบกิจการสื่อมวลชน ณ วันที่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.
ศาลชี้ข้อต่อสู้ของผู้ถูกร้อง (ธนาธร) ที่อ้างว่าโอนหุ้นให้มารดาคือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 นั้น แต่ปรากฏว่าไม่มีการส่งแบบ บอจ.5 (แบบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) ที่บริษัท วี-ลัค มีเดีย ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยเร็วเพราะไม่มีนักบัญชีดำเนินการให้ข้อต่อสู้ของผู้ถูกร้อง (ธนาธร) ฟังไม่ขึ้น
ศาลรัฐธรรมนูญยังระบุว่าการโอนหุ้นหรือเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย ครั้งอื่นๆ ใช้วิธีส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์และไม่ได้มีความยุ่งยากแต่อย่างใด
ส่วนปมเรื่องเช็คค่าหุ้นซึ่งนายธนาธรใช้เวลาถึง 128 วัน กว่าจะนำเช็คไปเข้าบัญชี แต่กฎหมายเช็ค พ.ร.บ.เช็ค มีหน้าที่ให้ผู้ครองเช็ค ให้ขึ้นเช็ค (เรียกเก็บเงิน) ภายใน 1 เดือน
ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบรายละเอียดย้อนหลัง 3 ปี พบว่าผู้ถูกร้องมีการเรียกเก็บเงินตามเช็คตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป มีการเรียกเก็บเงินภายใน 42-45 วันทุกครั้ง และจากข้อมูลการนำเช็คไปขึ้นเงินนานที่สุด 98 วัน แต่เช็คฉบับนั้นยอดเงินแค่ 2 หมื่นบาท
นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังเห็นว่าคำให้การของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องนำเช็คไปขึ้นเงินช้า ขัดแย้งกับหนังสือของผู้ถูกร้องเอง ที่ชี้แจงต่อ กกต. คำอ้างของนางรวิพรรณ ฟังไม่ขึ้น เพราะสามารถมอบอำนาจให้คนอื่นไปขึ้นเงินแทนก็ได้
การโอนหุ้นของนางสมพรไปให้หลาน ไม่มีค่าตอบแทน ย้อนแย้งกับการโอนหุ้นให้ลูกกลับมีค่าตอบแทน การอ้างโอนหุ้นแบบไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีหลักฐานตรวจสอบได้ว่าโอนจริงหรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญยังชี้ว่าการโอนหุ้นให้หลานเพื่อดูแลกิจการ จริงๆ แล้วการถือหุ้นไม่ได้มีอำนาจจัดการในกิจการ เอกสารโอนหุ้นอาจทำย้อนหลังได้
ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า แม้ผู้ถูกร้องคือนายธนาธร เดินทางกลับจากบุรีรัมย์ วันที่ 8 มกราคม มาที่กรุงเทพฯ ก็ยืนยันได้แค่ว่าอยู่กทม.จริง แต่ไม่ได้แปลว่ามีการโอนหุ้นกันจริง
ศาลยังได้ยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 การโอนหุ้นกันเฉยๆ โดยยังไม่จดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้น นำมาอ้างกับบุคคลภายนอกไม่ได้
จึงฟังได้ว่านายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งประกอบกิจการสื่อสารมวลชนในวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทำให้สมาชิกภาพของนายธนาธรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลได้สั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย หรือวันนี้ (20 พ.ย.) เป็นวันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเลื่อนรายชื่อส.ส.ในลำดับถัดไปแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 7 วัน
ย้อนรอยคดีนี้ เริ่มต้นจากศูนย์ข่าวอิศราเข้าไปขุดคุ้ยรายละเอียดการโอนหุ้นไปมาในครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” ต่อมาได้จุดประกายให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องต่อกกต. เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 หลังผ่านการเลือกตั้งมาได้เพียง 1 วัน
โดยคำร้องระบุว่า นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครส.ส. เพราะเชื่อว่าวันที่ 8 มกราคม ซึ่งเป็นวันรับสมัครส.ส.วันสุดท้าย นายธนาธร ยังถือหุ้นของบริษัทสื่อชื่อ วี-ลัค มีเดีย จึงขอให้ กกต.วินิจฉัยคุณสมบัติของนายธนาธร แม้ว่าเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 นายธนาธร ได้ยื่นหลักฐานต่อ กกต. ปรากฏชื่อในตราสารโอนหุ้นวี-ลัค มีเดีย จำกัด ระหว่างนายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ (ภรรยา) กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มาราดา) ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 และรายงานการส่งสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการโอนหุ้นจริงเกิดขึ้นเมื่อใด และบริษัททำการจดแจ้งลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อใด การกระทำของนายธนาธร อาจเข้าข่ายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 42 (3) ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ถือได้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เนื่องจากถือหุ้นในธุรกิจสื่อ
ภายหลังการตรวจสอบพยานเอกสารต่างๆ ในวันที่ 23 เมษายน 2562 กกต.มีมติแจ้งข้อหากับนายธนาธร โดยมองว่านายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทสื่อชื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จริง และถือหุ้นเป็นจำนวน 675,000 หุ้น เลขหมายใบหุ้นตั้งแต่ 1350001 ถึง 2025000" พร้อมแจ้งให้นายธนาธรนำหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
จากนั้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 กกต.มีมติเอกฉันท์ ว่าบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นบริษัทที่ระบุวัตถุประสงค์ในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทพบว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร ให้บริการโฆษณาซึ่งถือเป็นการประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชนและยังคงประกอบกิจการอยู่ ไม่มีการจดทะเบียนยกเลิกบริษัทหรือเสร็จการชำระบัญชีแต่อย่างใด ขณะที่สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นหรือ บอจ. 5 ที่กกต.ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562 เป็นเหตุให้ กกต.นำสำนวนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณารับวินิจฉัยคดีดังกล่าว
และเมื่อ 23 พฤษภาคม 2562 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 9:0 ให้รับพิจารณาคำร้องของกกต. ที่ร้องเรียนว่านายธนาธร ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. และมีมติเสียงข้างมากด้วยคะแนน 8:1 ให้นายธนาธรต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย พร้อมแจ้งให้นายธนาธรส่งพยานหลักฐานหักล้างข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยนายธนาธรใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานเต็มตามกรอบเวลา 45 วัน จึงส่งทนายความนำเอกสารจำนวน 1 แฟ้ม 3 ลัง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ
จากนั้นในวันที่ 11 กันยายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการพิจารณาวินิจฉัย กรณีหุ้นสื่อของนายธนาธร พร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 10 ปาก ในวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ประกอบด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง นายณัฐนนท์ อภินันทน์ ทนายความผู้รับรองตราสารการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ คนขับรถของธนาธร นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของธนาธร ผู้รับโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยาของธนาธร น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม บัญชีของบริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด พยานการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานด้านการเงินของบริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด พยานการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด นายปีติ จรุงสถิตย์พงศ์ หลานของสมพร ผู้รับโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ต่อจากสมพรอีกทอดหนึ่ง นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ หลานของสมพร ผู้รับโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ต่อจากนางสมพรอีกทอดหนึ่ง และ นายพิพัฒพงศ์ รุจิตานนท์ ทนายความผู้รับรองตราสารการโอนหุ้นระหว่างนางสมพรและหลานทั้งสอง
ในชั้นการไต่สวนนายธนาธร เบิกความยืนยันต่อศาลในทำนองว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการบริหารกิจการบริษัทวี-ลัค มีเดีย โดยจุดเกาะเกี่ยวเกิดขึ้นจากมารดามาชักชวนภรรยาเข้ามาบริหารบริษัทวี-ลัค มีเดีย จึงเป็นที่มาของการซื้อหุ้น ส่วนหุ้นซื้อมาจากแม่ แต่จำราคาไม่ได้อาจเป็นการซื้อในราคาพาร์ วัน นัดโอนหุ้น 8 มกราคม 2562 ไม่ใช่วันพิเศษอะไรแค่วันที่ทุกคนว่างตรงกัน และยอมรับว่าในวันดังกล่าวไปหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์จริง แต่จำไม่ได้ว่าเดินทางไป จ.บุรีรัมย์ อย่างไร ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปบุรีรัมย์พักค้างที่จังหวัดใดก็จำไม่ได้ แต่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถยนต์ฮุนได มีนายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ เป็นคนขับรถ
ระหว่างการเดินทางก็หลับมาตลอดทาง ไม่ได้โทรศัพท์พูดคุยหรือติดต่อกับใครเลย ระหว่างการเดินทางรถยนต์หมายเลขทะเบียน 8839 ถูกจับความเร็วที่นางรอง และอ.คลองหลวง หลังจากการเซ็นโอนหุ้นก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอีกเลยจนสมัครรับเลือกตั้ง รายละเอียดเกี่ยวกับการจดทะเบียนเลิกกิจการก็จำไม่ได้เช่นกัน ส่วนเช็คเงินสดที่ได้รับจากการโอนขายหุ้นก็จำไม่ได้ เพราะครอบครัวไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน แม้จะเป็นเช็คที่มีมูลค่ากว่า 6 ล้านบาทก็ตาม เพราะมอบหมายให้ภรรยาเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน
นายธนาธรยังพยายามชี้ให้ศาลเห็นถึงกระบวนการไต่สวนของกกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีกกต. เพราะตั้งใจอย่างจริงจังที่จะทำงานการเมืองโดยไม่อยากให้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างที่นายทักษิณ ชินวัตร โดนมาก่อน ต้องการให้บ้านเป็นประชาธิปไตย หากศาลตัดสินเป็นคุณกับผม ผมจะออกไปทำเรื่องบลายด์ทรัสต์ทันที เพราะต้องการใช้มาตรฐานนักการเมืองตะวันตกในการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ต้องการเข้ามาเพื่อมีผลประโยชน์หรือบริวารห้อมล้อมเหมือนนายทักษิณ เพราะผมอยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ ซึ่งถ้ายังอยู่แบบนี้ก็จะเดินต่อไปไม่ได้
ขณะที่นางสมพร(แม่) และนางรวิพรรณ(ภรรยา) ให้การตรงกันว่าในวันที่ 8 มกราคม 2562 มีการเซ็นโอนหุ้นและเซ็นจ่ายเช็คค่าหุ้นกันจริง ส่วนบริษัท วี-ลัคมีเดีย เป็นธุรกิจสิ่งพิมพ์ด้านนิตยสาร จัดพิมพ์ป้อนให้สายการบินนกแอร์ ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ได้นำเช็คค่าหุ้นไปขึ้นเงินนั้นเพราะเป็นแม่ลูกอ่อนต้องดูแลลูกอายุราว 3 เดือน ไม่สะดวกจะนำเช็คไปขึ้น และไม่ไว้ใจให้คนอื่นขึ้นเงินแทน ประกอบกับเป็นเช็คจากนางสมพร จึงไม่กังวลว่าเช็คจะเด้ง
ส่วนนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ และนายทวี จรุงสถิตพงศ์ หลานของนางสมพร ให้การตรงกันว่าได้รับโอนหุ้นจากนางสมพรในวันที่ 14 มกราคม 2562 หลังการคุยแผนธุรกิจที่ประสงค์ให้นางสมพรลงทุนเพิ่มเพื่อปรับปรุงโครงสร้างกิจการจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นอีบุ๊ก แต่นางสมพรไม่ตกลงตัดสินใจปิดกิจการ จึงโอนหุ้นคืนในวันที่ 21 มีนาคม 2562 โดยไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นกันแต่อย่างใด
ขณะที่พนักงานบริษัทไทยซัมมิทที่ลงนามเป็นพยานในการโอนหุ้น เบิกความตอบการซักถามของศาลถึงการโอนหุ้นวันที่ 8 มกราคม กับวันที่ 14 มกราคม ไม่มีการแจ้ง บอจ.5 แต่การโอนในวันที่ 21 มีนาคม จึงมีการแจ้ง บอจ. 5 ว่าการโอนหุ้น 3 ครั้งเป็นการโอนภายในบริษัทจึงไม่มีการแจ้ง บอจ.5 ขณะเดียวกันบริษัท วี-ลัค มีเดีย มีการเลิกกิจการทำให้ไม่มีใครมารับงานจากตนไปดำเนินการต่อ ส่วนการโอนวันที่ 21 มีนาคม มีการแจ้ง บอจ.5 เนื่องจากก่อนหน้านั้นวันที่ 19 มีนาคม มีการประชุมและมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นบริษัทซึ่งจะต้องมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้แจ้ง บอจ.5 ไปในคราวเดียวกัน
สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลง
สรุปประเด็นวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
1. คำร้องของ กกต.ชอบด้วยกฎหมาย
2. การเลิกกิจการเกี่่ยวกับหนังสือพิมพ์ ต้องจดแจ้งภายใน 30 วัน (ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์)
3. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 (วันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รวมธนาธร) บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ยังคงดำเนินกิจการอยู่
4. อ้างโอนหุ้นให้มารดา วันที่ 8 มกราคม 2562 แต่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยเร็ว แตกต่างจากครั้งก่อนๆ จึงมีความผิดปกติ
5. อ้างไม่ขึ้นกรณีไม่มีนักบัญชีดำเนินการให้ เพราะสามารถใช้วิธีอิเล็กทรอนิกส์ได้ (การเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นครั้งก่อนๆ ก็ใช้วิธีทางอิเล็กทรอนิกส์)
6. ใช้เวลาในการนำเช็คเข้าบัญชีนานเกินไป ศาลตรวจสอบย้อนหลังไป 3 ปี เฉพาะเช็คมูลค่าเกิน 2 ล้านบาท พบว่าใช้เวลาเพียง 42-45 วัน นานสุด 98 วัน เป็นเช็คมูลค่า 2 หมื่นบาท แต่ครั้งนี้นานถึง 128 วัน
7. คำอ้างภรรยา “รวิพรรณ” ที่ไม่รีบนำเช็คไปขึ้นเงิน ขัดแย้งกับหนังสือของผู้ถูกร้องเอง (อ้างว่าต้องส่งเช็คให้ทนายเตรียมสู้คดี แต่ธนาธรเคยชี้แจงว่าไม่ได้รับสำเนาคำร้องจาก กกต.) เพราะการขึ้นเช็คมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนได้
8. การโอนหุ้นของนางสมพร ไปให้หลาน ไม่มีค่าตอบแทน ย้อนแย้งกับการโอนหุ้นให้ลูก (ธนาธร) กลับมีค่าตอบแทน ซึ่งไม่มีหลักฐานว่าโอนจริงหรือไม่
9. ข้ออ้างการโอนหุ้นให้หลานดูแลกิจการ แต่การเป็นผู้ถือหุ้นไม่ได้มีอำนาจจัดการใดๆ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ฉะนั้นเอกสารโอนหุ้นให้หลานจึงอาจทำย้อนหลังให้เจือสมกับข้ออ้างอื่นๆ
10. การอ้างเดินทางกลับจาก จ.บุรีรัมย์ วันที่ 8 มกราคม มากรุงเทพฯ เป็นการยืนยันแค่ว่าอยู่กรุงเทพฯ จริง แต่ไม่ได้แปลว่ามีการโอนหุ้นกันจริง
11. ตามมาตรา 1129 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การโอนหุ้นให้กันโดยไม่จดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้น นำมาอ้างกับคนภายนอกไม่ได้
12. ศาลวินิจฉัย ธนาธร พ้นสมาชิกภาพ นับตั้งแต่วันที่สั่งหยุดการปฏิบัตหน้าที่