ข่าว

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

28 เม.ย. 2563

รวบพระสูงวัยสวมชุดฆราวาส ล้อมวงยกซดพญานาคเมาหัวทิ่ม คอตกเจอข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     กรณี พ.ต.อ.วรเพชร  เพชรบรม ผกก.สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มชายไม่ทราบจำนวน ตั้งวงดื่มแอลกอฮอล์ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านในละแวกนั้น   อยู่บริเวณหลังที่ว่าการอำเมืองนครพนม(หลังเก่า) ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองฯ  หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.จีรุฏฐ์  พิมพา รอง ผกก.สืบสวนฯ ร.ต.อ.ศักดิ์ดา  ต้นจันทร์ รอง สวป.สภ.เมืองนครพนม  ช่วยราชการงานสืบสวน ประสานกับ ร.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์  แสงสา รอง ผบ.ร้อย ตชด.236 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน  รุดไปตรวจสอบ โดยบ้านหลังดังกล่าวมีทางเข้าข้างอาคารสำนักงานพลังงานนครพนม  ถนนกลางเมือง เยื้องสนามกีฬา อบจ.ฯ

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูงที่ปล่อยรกร้าง ซึ่งเดิมเป็นบ้านพักข้าราชการ ด้านบันไดทางขึ้น พบชายสูงวัยจำนวน 4 คน นั่งล้อมวงดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีเตาหมูกระทะอยู่กลางวง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ ทราบชื่อต่อมาว่า นายกัน  ป้องทอง อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 29 หมู่ 11 ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นายสกนธ์ชัย  ทิพย์ทอง หรือมหาชัย อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 42 หมู่ 7  ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม นายเดวิด  หลวงกลาง หรือโต อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 41 หมู่ 4  ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม และนายจุตพล  ทิพย์ทอง หรือหลอลี่ อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 10 ถนนศาลากลาง เขตเทศบาลเมืองนครพนม

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     ชายทั้งสี่คนกำลังมั่วสุมดื่มแอลกอฮอล์ และอยู่ในอาการมึนเมาพูดคุยเสียงดัง โดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ทราบว่าหนึ่งในนั้นบวชเป็นพระจำพรรษาอยู่วัดแห่งหนึ่งใน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม คือนายกัน ป้องทอง มีหนังสือใบสุจิบัตรระบุว่าบวชเมื่อปี พ.ศ.2552 เป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสึกที่วัดมหาธาตุ ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนอีกครั้ง

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     นายกันหรืออดีตพระกันให้การว่า หลังบวชก็เดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆในพื้นที่จังหวัดนครพนม กระทั่งล่าสุดอยู่วัดที่บ้านาโดน ต.ขามเฒ่า และได้รู้จักกับนายสกนธ์ชัยหรือมหาชัย ได้ชักชวนมาเที่ยวบ้านหลังกล่าวที่เป็นบ้านพักข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาใช้เป็นบ้านพักของคนเร่ร่อน เมื่อพูดคุยถูกคอนายสกนธ์ชัยก็ชวนดื่มของมึนเมา เดิมดื่มกันแต่เหล้าขาว ตอนหลังรัฐบาลประกาศห้ามขายเหล้าถึงวันที่ 30 เมษายน จึงหันมาซื้อเครื่องดื่มตราพญานาคมาแก้ขัดกัน

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     นายกันเล่าต่อว่าจะห่มจีวรออกจากวัด เมื่อมาถึงบ้านหลังดังกล่าว ก็จะผลัดเปลี่ยนเป็นชุดฆราวาสที่นายสกนธ์ชัยนำมาให้ ซึ่งจะนัดแนะกันดื่มสังสรรค์กันเป็นประจำนานหลายเดือนแล้ว ต่อมาก็มีเพื่อนคอเดียวกันมาร่วมวงด้วย

ก่อนถูกจับกุมก็ออกจากวัดมาหานายสกนธ์ชัย โดยได้สวมใส่เสื้อเชิ๊ตลายเทาขาว สวมหมวกไหมพรมอำพรางศีรษะโล้น ไปซื้อหมูกระทะมา 1 ชุด พร้อมเครื่องดื่มตราพญานาค จำนวน 16 ขวด ยกกระดกคนละขวดจนหมดไป 10 ขวด เมื่อได้ที่ก็เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ พร้อมส่งเสียงเอะอะโวยวาย กระทั่งมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ในขณะที่นายสกนธ์ชัยหรือมหาชัย ที่อยู่ในสภาพเมาแอ๋ อ้างว่าเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง  และอ้างว่าสนิทกับอดีตผู้การตำรวจนายหนึ่ง เมื่อตรวจสอบพบว่าพกบัตรผู้ป่วยจิตเวชฯอีกด้วย  เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พระสูงวัย ถอดจีวรสวมชุดฆราวาส ล้อมวงซดพญานาค เจอฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

     ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง พบกับนางกมลศรี ทิพย์ทอง อายุ 65 ปี เมียของนายสกนธ์ชัยเผยว่า อาศัยอยู่บ้านพักข้าราชการหลังเก่านี้มานานหลายปี โดยอ้างว่าไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง ส่วนนายกันหรืออดีตพระกัน รู้จักกับสามีช่วงไปวัดธรรมกายด้วยกัน นานๆจะมาที่นี่สักครั้ง และกินดื่มจนเมาอย่างที่เห็น นางกมลศรีเล่าต่อว่าที่เห็นนี้ยังดี เพราะอยู่ในช่วงเคอร์ฟิว เลยออกอาการมากไม่ได้ หากเหตุการณ์ปกติจะร้องรำทำเพลง ลุกขึ้นเต้นกันอย่างเมามัน “โดยนายกันหรือพระกันหลังจากเมาก็จะนอนอยู่ที่บ้านจนสร่างก็จะกลับวัด แล้วจะกลับมาใหม่หลังมีเงินมาซื้อเหล้ามาเลี้ยงพรรคพวก” นางกมลศรี กล่าว

ทวี อภิสกุลชาติ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดนครพนม