
กลับมาแล้ว คอมมิวนิสต์ไทย
คอมมิวนิสต์ไทยยังอยู่ "สมยศ" ขบวนการตาสว่าง ต้นทางปฏิรูปสถาบัน ปลุกเร้าอุดมการณ์เดิม
++
แกนนำราษฎรอย่าง “เพนกวิน-อานนท์” ออกมาสยบข่าวความแตกแยกภายในกลุ่มแกนนำม็อบ 3 นิ้ว โดยเฉพาะเรื่องคอมมิวนิสต์ ว่า ไม่มีการปิดกั้นความคิดใดๆ ใครอยากเสนออะไรก็ได้
ล่าสุด “เจ้าพ่อตาสว่าง” สมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้โพสต์ทางเฟซบุ๊ก Somyot Pruksakasemsuk ชวนคนไทย “มาเป็นคอมมิวนิสต์กันเถอะ” ตอนหนึ่ง สมยศได้กล่าวถึงคนหนุ่มสาวเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
อ่านข่าว... "สมยศ พฤกษาเกษมสุข"โพสต์ ชวนเป็นคอมมิวนิสต์
สมยศ และหนังสือ ธง แจ่มศรี
“คนหนุ่มสาวทศวรรษ1970เคยมีความคิด ความเชื่อในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์มาก่อน และก็พ่ายแพ้ไป จำนวนมากที่สิ้นหวังในอุดมการณ์นี้ได้กลายพันธ์เป็นสุนัขรับใช้พวกเผด็จการหรือไม่ก็เข้าไปทำงานให้กับกลุ่มทุนผูกขาดที่ตนเองเคยต่อต้านมาก่อน รวมไปถึงพวกอดีตทหารปลดแอก(ทปท.) ที่กลายเป็น ทปท.รอ.ไปเลย”
จริงๆแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ยังดำรงอยู่ในทางจัดตั้ง แต่ไม่มี “กองกำลังติดอาวุธ” เหมือนในอดีต
“สมยศ” ในช่วงขับเคลื่อนขบวนตาสว่าง ปี 2554-56 ก็คงได้สัมผัสกับชาวคอมมิวนิสต์ไทย ผู้มั่นคงในอุดมการณ์
เลขาธิการ พคท.ให้สัมภาษณ์เอเชียวีค
++
พคท.ถูกกฎหมาย
++
เมื่อกลางปี 2561 นิตยสาร “เอเชียวีค” (ภาษาจีน) ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ “วิชัย ชูธรรม” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
วิชัย ชูธรรม เป็นเลขาธิการพรรคฯ คนที่ 5 นับแต่ พคท. ก่อตั้งเมื่อ 1 ธันวาคม 2485 โดย“วิชัย”กล่าวกับเอเชียวีคว่า ทุกวันนี้ พรรคยังยืนหยัดในแนวทางปฏิวัติ ทำการต่อสู้ปฏิวัติให้สอดคล้องกับสภาพเป็นจริงของสังคมไทย
คำว่า แนวทางปฏิวัติ มิได้หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธ หากแต่เป็นการเคลื่อนไหวทางสังคม ผลักดันให้มีการปราบปรามคอร์รัปชั่นโกงกิน พร้อมเรียกร้องให้ปฏิรูปสังคมด้านต่างๆ ให้ประชาชนมีที่ดินและสิทธิการทำกินบนที่ดินของตน
นอกจากนี้ พรรคได้ร่วมผลักดันการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชนในการเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมด้วยรูปแบบต่างๆ
ถัดจากนั้นมาไม่นาน ปฐม ตันธิติ ได้ขอยื่นจดแจ้งชื่อ “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” (พคท.) ต่อ กกต. เตรียมนำพรรคจากใต้ดินสู่บนดิน
อย่างไรก็ตาม กกต.ก็ไม่รับจดทะเบียน อ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายพรรคการเมืองชัดเจน
บทสัมภาษณ์ผู้นำ พคท.ในสื่อฮ่องกง
++
พคท.ของแท้
++
นับแต่มีรัฐประหาร 2549 ชาวคอมมิวนิสต์ไทย ก็แยกเป็น 2 สายคือ สายลุงดิน (ธง แจ่มศรี) กับสายลุงชิต (วินัย เพิ่มพูนทรัพย์)
ปี 2553 ลุงธงตัดสินใจยื่นใบลาออกจากเลขาธิการพรรค องค์การนำเสียงข้างมากได้ตั้งคณะกรรมการกลางชุดเฉพาะกิจ และแต่งตั้ง “วิชัย ชูธรรม” เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทน ธง แจ่มศรี
ปรากฏว่า กลุ่มธง แจ่มศรี ที่ไม่ยอมรับองค์การนำชุดวิชัย ชูธรรม โดยมองว่า กลุ่มลุงชิต ไม่มีจุดยืน ไปเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กปปส.
ปัจจุบัน สมาชิก พคท.สายลุงธง ได้มีการจัดตั้ง “องค์กรนำ” และเข้าร่วมการเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ
สรุปว่า ชาวคอมมิวนิสต์ไทยยังดำรงอยู่ ไม่ได้ล่มสลายไปกับกองกำลังติดอาวุธในเขตป่าเขา