พลิกปูมเส้นทางชีวิตผู้ว่าฯปู "วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี" แม่ทัพหน้าปราบโควิด-19 เมืองมหาชัย
"คนไม่ทำงานเท่านั้นที่ไม่ผิด" น่าจะเป็นคำเปรียบเปรยได้ดีสำหรับผู้ว่าฯปู "วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี" ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครชั่วโมงนี้ที่โดนรุมถล่มในที่ประชุม ครม. แต่"โควิด-19 "ถือเป็นยาแรงที่สร้างความแกร่งให้กับผู้ว่าฯเมืองมหาชัยคนนี้
“คนไม่ทำงานเท่านั้นที่ไม่ผิด” น่าจะเป็นคำเปรียบเปรยได้ดีสำหรับผู้ว่าฯปู “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครช่วงโมงนี้ที่โดนรุมถล่มในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา พร้อมคำแถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ที่ว่า “ผู้ว่าฯปล่อยให้มีการแพร่ระบาดเช่นนี้ได้ยังไง ผมผิดที่ไม่ได้ดูนโยบายในภาพรวม”
แต่หากใครติดตามข่าวการทำงานของ"พ่อเมือง"ท่านนี้ก็คงจะเห็นในทันทีที่ทราบข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตลาดกลางค้ากุ้ง ผู้ว่าฯสั่งก็ระดมทุกหน่วยงานปฎิบัติแบบสายฟ้าแลบ พร้อมออกมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวดในทันที
แม้จะเหนื่อยหนักขนาดไหนก็ไม่หวั่น ยังยิ้มสู้ เห็นได้จากการแถลงข่าว วันแรก ๆ ของการระบาดโควิด-19 มีนักข่าวโยนคำถามถึงผู้ว่าฯสมุทรสาคร”วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี”ในระหว่างการแถลงข่าวความคืบหน้าว่า
“รู้สึกผู้ว่าฯ อารมณ์ดีเป็นพิเศษ”
ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้รับฟังไม่น้อย
“อยากจะบอกเหลือเกินว่า คนเป็นผู้ว่าฯ ก็เหมือนกับเป็นแม่ทัพ ออกรบทัพจับศึก จะร้องไห้ให้ไพร่พลเห็นได้อย่างไร แม้หัวใจจะร้องไห้ ด้วยความสงสารคนสมุทรสาครมาหลายครั้งหลายหน มีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากพูดแต่ไม่ได้พูด โดยเฉพาะคนที่ปล่อยให้ COVID-19 เข้ามาในใจกลางเมืองสมุทรสาครเหนื่อยและลำบากแค่ไหน แต่ยังไหวครับ”
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี หรือคนสมุทรสาคร เรียกกันติดปาก”ผู้ว่าฯปู” หากย้อนดูประวัติการทำงานต้องบอกว่า"ลูกสิงห์ทอง"คนนี้ถือว่าไม่ธรรมดาผ่านงานผู้ว่าฯมาหลายจังหวัด ผ่านประสบการณ์ บู๊-บุ๋น มาอย่างโชกโชน ทุกคนยอมรับในฝีไม้ลายมือการบริหารของนักปกครองอาชีพ
วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี เป็นคนอ่างทองโดยกำเนิด เกิดที่อ.วิเศษไชยชาญ ในครอบครัวคหบดี หลังจบป.ตรีรัฐศาสตร์จากรามคำแหง ก็คว้าป.โทด้านบริหารจากม.บูรพา หน้าที่การงานเริ่มไต่เต้าจากปลัดอำเภอสู่ผู้ว่าฯใช้เวลากว่า 30 ปี โดยชีวิตราชการส่วนใหญ่วนเวียนอยู่ในจ.สุพรรณบุรี
เขาเป็นผู้บุกเบิกและพัฒนาบึงฉลากตามบัญชาของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ เมื่อครั้งรั้งตำแหน่งนายอำเภอเดิมบางฯ โดยเริ่มจากการพัฒนาพื้นที่เสื่อมโทรม จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจ.สุพรรณบุรีในทุกวันนี้
เมื่อครั้งย้ายมาเป็นนายอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรีก็สร้างผลงานไม่น้อยหน้า แต่ความฮือฮาคือ การมีแนวคิดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน โดยการนำผักตบชวาที่ทุกคนมองว่าเป็นพืชขยะไร้ค่ามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จนมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ
ครั้นย้ายมาเป็นนายอำเภอแม่วงค์ จ.นครสวรรค์ก็ยังรังสรรค์ผลงานที่เข้าตา ด้วยการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำของชาวบ้านและผู้มีอิทธิพลเป็นผลสำเร็จ เนื่องว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของอ.แม่วงค์อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
การก้าวผ่านนายอำเภอมาสู่ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี เหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ครั้งหนึ่งผู้ว่าฯปูเคยปรารภกับ"ทีมข่าวคมชัดลึก"ว่า
”สุพรรณก็เหมือนบ้านหลังที่สอง มาสุพรรณเหมือนได้กลับมาบ้านอีกครั้งจะต้องดูแลคนสุพรรณให้ดีที่สุด”
จากปลัดจังหวัดสู่รองผู้ว่าฯ ก่อนก้าวมารั้งตำแหน่งผู้ว่าฯอย่างเต็มตัวครั้งแรกที่จ.พิจิตร
ผลงานที่โดดเด่นของพ่อเมืองที่นี่ ได้พัฒนาจ.พิจิตรจากเมืองผ่านให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญอันโดดเด่นของเหนือตอนล่างในที่สุด เพราะทันทีที่รับตำแหน่งผู้ว่าฯเมืองชาละวัน งานแรกที่จับกลายเป็นหินคือการพัฒนาพื้นที่รอบบึงสีไฟ เพราะเป็นแหล่งรวมของปัญหาที่หมักหมมมาอย่างยาวนาน ถูกบุกรุกของชาวบ้านและผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีผู้ว่าฯคนไหน กล้าแตะ
แต่ "วีระศักดิ์" คนนี้กลับเดินหน้าพัฒนาอย่างชนิดที่ว่าไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม หลังได้รับไฟเขียวจากผู้บังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่สั่งการลงมา พร้อมจัดสรรงบประมาณลงมาอย่างเต็มสูบ ส่วนแนวทางการพัฒนา เขานำประสบการณ์จากความสำเร็จ ถอดบทเรียนการพัฒนาบึงฉวาก เฉลิมพระเกียรติมาพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของคนพิจิตร
จากบึงสีไฟต่อยอดมาพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวสายธรรมะ เนื่องจากพิจิตรเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม มีเกจิอาจารย์มีชื่อดังมากมาย ทั้งยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง ทำให้มีการต่อเชื่อมเส้นทางประวัติศาสตร์และวัดวาอารามด้วยเส้นทางท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ จึงทำให้เมืองรองการท่องเที่ยว อย่างพิจิตรเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ
ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก จึงไม่แปลก เมื่อมีคำสั่งย้ายมารั้งตำแหน่งผ้ว่าฯศรีสะเกษ ชาวพิจิตรต่างแห่กันไปส่งอย่างอุ่นหนาฝาคั่งถึงหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษเลยทีเดียว
“ก่อนมารับตำแหน่งผู้ว่าฯที่นี่ ผมได้ทำการบ้านมาก่อนแล้ว 1 เดือนเต็ม เมื่อมาถึงก็เริ่มทำงานได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้งานใหม่ เพราะฉะนั้นผมมาเป็นผู้ว่าฯก่อนคำสั่งออก 1 เดือน”ผู้ว่าฯปูเปรยกับทีมข่าวคมชัดลึก เมื่อครั้งมารับตำแหน่งผู้ว่าฯศรีสะเกษใหม่ ๆ
จากพิจิตรมาศรีสะเกษ เมืองชายแดน ปัญหาจึงต่างจากเดิมอย่าลิบลับ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีการกระทบกระทั่งกันบ่อย แต่ด้วยความเป็นนักบริหารมือประสานสิบทิศ ปัญหาส่วนใหญ่จึงจบลงที่ระดับจังหวัด แต่ที่ดังเป็นพลุแตกคือการสร้างสตอรี่ทุเรียนภูเขาไฟ พร้อมเนรมิตเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร จนทำให้ศรีสะเกษเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตทุเรียนพันธุ์ดี สามารถสร้างอาชีพและรายได้กับชาวศรีสะเกษอย่างเป็นกอบเป็นกำ
2 ปีกว่าของพ่อเมืองศรีสะเกษ ก่อนย้ายมารับตำแหน่งผู้ว่าฯสมุทรสาคร รู้ว่าเป็นงานหนักงานหิน เพราะสภาพพื้นที่เศรษฐกิจ สังคมไม่เหมือนที่ผ่านมา เคยมีอดีตผู้ว่าฯท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ใครมาเป็นผู้ว่ามหาชัยเหมือนควบตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ เพราะเป็นจังหวัดแหล่งรวมของทุกปัญหา ผ่านมหาชัยไปอยู่จังหวัดไหนก็ได้สบายมาก”
ยามปกติ สมุทรสาครก็หนักอึ้งอยู่แล้ว ยิ่งยามไม่ปกติจากสถานการณ์โควิด-19 เข้ามาก็ยิ่งสาหัสสากรรจ์เข้าไปอีก โชคร้ายในความโชคดีที่ผู้ว่าฯคนนี้มีชาวมหาชัยเป็นเกราะกำบัง หลังได้เห็นการทำงานแบบถึงลูกถึงคนมาระยะหนึ่ง มีบู้บุ๋นยืดหยุ่นตามสถานการณ์ตามหลักของนักปกครอง
" โควิด-19 "ถือเป็นยาแรงที่สร้างความแกร่งให้กับผู้ว่าฯเมืองมหาชัยคนนี้ที่ชื่อ”วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงสี”