สิงห์ไม่มีสี'อาเจ็กปู-กู๋ตือ'คนบ้านเดียวกัน
เรื่องเล่าลึกๆ สายสัมพันธ์ "ผู้ว่าฯปู-เฮียตือ" คนอ่างทอง โยงถึงอดีตนายกฯ บรรหาร
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ม.ค.2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อัพเดทอาการของ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีใจความว่า “ไม่มีเว้นวันหยุด คณะกรรมการแพทย์ประชุมกันทุกวัน เพื่อหาหนทางเยียวยาพ่อเมืองสาครให้ฟื้นกลับคืนมาได้ใกล้เคียงเดิมที่สุด วันนี้การทำงานของปอดและระบบการหายใจกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนการทำงานของอวัยวะอื่นยังได้รับการประคับประคองให้ทำงานกันอย่างยอดเยี่ยมได้อยู่..”
คุณหมอนิธิพัฒน์ รู้ว่า คนไทยทั้งประเทศ ติดตามอาการป่วยของ “ผู้ว่าฯ ปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ทั้งประเทศ จึงพยายามรายงานผ่านสื่อโซเชียลทุกวัน
วันนี้ “ผู้ว่าฯ ปู” กลายเป็นผู้ว่าฯ ในดวงใจของมหาชน จึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตของผู้ว่าฯ ปู ออกมาเผยแพร่เป็นระยะๆ อย่างเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ค “เอก ประทุมรัตน์” ได้โพสต์มุมส่วนตัวที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก บางเรื่องถือว่าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ที่น่าสนใจคือ เอก ประทุมรัตน์ ได้พูดความสัมพันธ์ของคนสองคนคือ “อาเจ๊กปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี และ “กู๋ตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง และอดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อาการผู้ว่าสมุทรสาครล่าสุด ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนปอด ยังคงมีความหวัง
คนวิเศษชัยชาญ
แม้ “กู๋ตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และ “อาเจ๊กปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี จะต่างรุ่นกัน แต่ก็เติบโตในตลาดเดียวกันคือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ครอบครัวกู๋ตือ ทำโรงสีข้าว ส่วนครอบครัวอาเจ๊กปู มีร้านถ่ายรูปชื่อแสงศรี มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนั้น
เอก ประทุมรัตน์ เขียนไว้ว่า “อาเจ็กปู เรียนจบ ม.บูรพา เป็นสิงห์ไม่มีสี ราชสีห์ไม่มีสังกัดตามธรรมเนียมมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ คนเดียวที่จบจากสถาบันแห่งนี้”
คำว่า “สิงห์ไม่มีสี” หมายถึง ผู้ว่าฯ ปูหรืออาเจ๊กปู ไม่ได้จบรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ รามคำแหง หากแต่เป็น “สิงห์มหาดไทย” ที่ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต (มนุษยศาสตร์) มหาวิทยาลัยบูรพา ปี 2526
สมัยผู้ว่าฯ ปู เรียนที่ ม.บูรพา รักการอ่าน เป็นนักเขียน เป็นสมาชิกวงดนตรีวงกอไผ่ ชอบเฮฮา รักพวกพ้อง ชอบทำกิจกรรม ครั้นเรียนจบ ก็มาเป็นนักพัฒนาชุมชน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และพบรักกับ ชุติพร วิจิตร์แสงศรี
สู่เส้นทางสิงห์
ปี 2538 สมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา มีโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชื่อ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จำเป็นต้องหาคนมีฝีมือมาเขียนสคริปต์ข่าวสาร รวมถึงคำปราศรัยต่างๆ กู๋ตือนึกถึงอาเจ็กปูทันที เพราะเคยใช้ไหว้วานกันมาแต่สมัยคนหนุ่มไฟแรง ทำกำแพงข่าวกลางตลาด
หลัง 14 ตุลาคม 2516 กู๋ตือเรียนรามคำแหง ทำกิจกรรมต้านเผด็จการ ก็มารวบรวมคนหนุ่มสาวแถววิเศษชัยชาญ ทำกำแพงข่าวโฆษณาแนวคิดประชาธิปไตย ก็ได้อาเจ๊กปู เป็นคนเขียนข่าว เขียนบทกวี ตอนเกิด 6 ตุลาคม 2519 ฝ่ายปกครองเมืองอ่างทอง ก็มาไล่จับ ต้องหลบกันไปพักใหญ่
อาเจ๊กปูมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ อยู่พักหนึ่ง เมื่อกู๋ตือได้เป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการ อาเจ็กปูก็ตามไปช่วยเขียนสคริปต์ให้อีก 2 ปี ระหว่างนั้น กู๋ตือแนะนำให้อาเจ็กปูไปเข้าโรงเรียนนายอำเภอ
หนุ่มนักพัฒนาชุมชน จึงเข้าเรียนหลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 41 วิทยาลัยการปกครอง และเป็นนายอำเภอครั้งแรก ที่ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2544
สายตรงบรรหาร
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เล่าว่า ช่วงหนึ่ง อดีตนายกฯ บรรหาร ต้องการพัฒนาบึงฉวาก อ.เดิมบางนางบวช จึงอยากได้นักปกครองมีฝีมือ เขาเลยเสนอชื่อผู้ว่าฯ ปู ให้มาเป็นนายอำเภอเดิมบางนางบวช
ผู้ว่าฯปู ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนล้มป่วย ซึ่งเอก ประทุมรัตน์ บันทึกไว้ว่า “อาเจ็กปู" ไปทุกบ้านไปทุกที่ที่รถยนต์เข้าถึง ทำงานตรากตรำอย่างหนักจนเส้นโลหิตในสมองแตก หลายคนคิดว่า ไม่รอด แต่ปาฏิหาริย์ก็นำพากลับคืนมาได้อีกครั้ง คราวนี้นายบรรหาร จัดแจงย้ายไปอยู่อำเภอศรีประจันต์ ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ ต้องเซ็นเอกสารด้วยมือซ้ายแทน พอหายดี ประมาณ 80% นายบรรหาร เรียกขานวานใช้ใครไม่ได้ดี เท่ากับอาเจ็กปู ที่กำลังขึ้น ปลัดจังหวัด หลังเป็นนายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ถูกย้ายกลับไปอำเภอเดิมบางนางบวชอีกครั้ง เพื่อรับภารกิจสำคัญ บึงฉวาก"
เรียกว่า อาเจ็กปูรับราชการอยู่ใน จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่นายอำเภอ จนเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พูดง่ายๆ ถูกวางตัวเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี แต่บรรหาร ถึงแก่อนิจกรรมไปเสียก่อน อาเจ็กปูจึงได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร
วันที่ 1 ต.ค.2559 วันที่ วีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มีชาวสุพรรณบุรีนับพันคนตามไปส่งถึงจวนผู้ว่าฯ
ที่ขาดไม่ได้คือ จองชัย เที่ยงธรรม และสมศักดิ์ ปริศนานันท์กุล ได้ร่วมขบวนไปส่งอาเจ็กปูด้วย
เมื่อผู้ว่าฯ ปู ย้ายจากพิจิตร ไปอยู่ศรีสะเกษ ก็หวังที่จะกลับสุพรรณบุรี แต่บิ๊กมหาดไทยก็ส่งผู้ว่าฯ ปู ไปอยู่สมุทรสาคร