วิบาก "ป้อม" อุ้ม "น้อง" เข็น "พปชร."
เหนื่อยสาหัส "บิ๊กป้อม" ต้องอุ้ม "2 ป." ฝ่าวิกฤตโควิด ฝากเดิมพันสุดท้ายไว้กับ "ธรรมนัส" คอลัมน์ .. ท่องยุทธภพ โดย .. ขุนน้ำหมึก
กระแสประชาธิปไตยบนท้องถนนกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางไวรัสมรณะระบาดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล รัฐบาลประยุทธ์เรตติ้งตกฮวบ เพราะการบริหารจัดการภาวะวิกฤติสอบตก
ชั่วโมงนี้ แฮชแท็ก #รัฐบาลฆาตกร ขึ้นอันดับ1 เทรนด์ทวิตเตอร์ สะท้อนอารมณ์โกรธแค้นของผู้คนที่มีต่อรัฐบาล ในยามที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งไม่หยุด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขยับทำอะไรในช่วงนี้ ดูขวางหูขวางตาประชาชนไปหมด แม้แต่การเดินทางไปเปิดการท่องเที่ยว “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่ จ.ภูเก็ต แทนที่จะได้แต้มบวก กลับติดลบจากภาพดราม่าริมทะเล
เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดมาไว้ที่ ศบค. จึงทำให้รัฐมนตรีในซีกพลังประชารัฐ เหมือนไม่มีตัวตน รวมทั้ง ส.ส.พลังประชารัฐส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ออกมาปกป้องรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรี
วันที่ 2 ก.ค.2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงเรียก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค มาปรึกษาหารือเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลา 1 ชั่วโมงขณะที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เปิดเกมรุกเขย่ารัฐบาล พร้อมเสนอ “ยุบ ศบค.” รวมถึงพรรคเกิดใหม่อย่างพรรคไทยสร้างไทย และพรรคกล้า ก็ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ตรงกันข้ามพรรคพลังประชารัฐ กลับเกิดปัญหาขัดแย้งแย่งชิงตำแหน่งในกรรมาธิการงบประมาณฯ เมื่อไม่นานมานี้ ลูกพรรคกลุ่มหนึ่ง ก็ปล่อยข่าวจะผลักดันให้ “ธรรมนัส” เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เพราะไม่พอใจ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ที่ไม่สนใจใยดี ส.ส.พลังประชารัฐ และทำตัวอยู่เหนือการเมือง
“บิ๊กป้อม” ผู้เป็นศูนย์กลางพรรคฯ และเป็นที่รักของ ส.ส.ในพรรค รับรู้ได้ถึงความห่างเหินระหว่างนายกรัฐมนตรีกับลูกพรรค หรือ มท.1 กับ ส.ส.บ้านนอก จึงพยายามเป็นคนกลางเชื่อมร้อยใจนักเลือกตั้งหลายเผ่าพันธุ์ที่มารวมตัวอยู่ในพลังประชารัฐ
พล.อ.ประวิตร ทำทุกอย่างเพื่อน้อง “2 ป.”
มือประสานสิบทิศ
หลังปิดห้องคุยกับ “บิ๊กป้อม” อยู่นานนับชั่วโมง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ให้สัมภาษณ์สื่อหลายประเด็น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ จึงมอบให้ ไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายของพรรค สร้างกติกาและระเบียบพรรคใหม่
“ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า มันไม่ค่อยเป็นระบบ แต่ต่อไปนี้ต้องเป็นระบบ การอยู่รวมกันต้องเป็นระบบ”
ร.อ.ธรรมนัส มือขวาบิ๊กป้อม มีภารกิจหนัก
“ธรรมนัส” บอกว่า พล.อ.ประวิตร สั่งให้หลอมรวมทุกกลุ่มก้อนให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ,สมศักดิ์ เทพสุทิน,อนุชา นาคาศัย และสุชาติ ชมกลิ่น ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันหมดแล้ว
อันที่จริงแล้ว สมัยเลือกตั้งปี 2562 “ธรรมนัส” ก็คุ้นเคยกันดีกับแกนนำกลุ่มสามมิตร ในฐานะแม่ทัพภาคเหนือร่วมกัน รวมถึงสันติ พร้อมพัฒน์ และกล่าวให้ถึงที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็คือ คนเพื่อไทยเก่า เคยมี “นายใหญ่” คนเดียวกัน ในฐานะรุ่นน้องทางการเมือง “ธรรมนัส” จึงเข้าไปเปิดใจพูดคุยกับรุ่นพี่ และรู้ดีว่า บรรดาขาใหญ่เหล่านี้ต้องการอะไร ตามประสานักเลือกตั้ง มองตาก็รู้ใจ
โมเดลจีนแก้จน
ด้วยสายสัมพันธ์อันดีระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับทางการจีน พรรคพลังประชารัฐ จึงวางแผนจัดการประชุมร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในวันที่ 6 ก.ค.2564 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยเฉพาะแนวทางแก้ปัญหาความยากจน นัยว่า จีนมีมณฑลกว่างสี เป็นต้นแบบแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จ “ธรรมนัส” จึงอยากจะนำโมเดลมณฑลกว่างสีจ้วง มาประยุกต์ใช้ในเมืองไทย
สาเหตุที่ “บิ๊กป้อม” สั่งการให้ “ธรรมนัส” ริเริ่มจัดทำชุดนโยบายเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความยากจน ก็เพราะเจอ “โทนี่” พูดดักคอ “น้องธรรมนัส” ไว้ในคลับเฮาส์เมื่อวันก่อนว่า ขอให้คิดนโยบายใหม่ๆ มาต่อสู้กันดีกว่าใช้เงินทอง
สำหรับภาคอีสาน ฐานที่มั่นใหญ่ของพรรคเพื่อไทย “ธรรมนัส” เชื่อว่า หลังจากลงพื้นที่มาตลอดเกือบ 3 ปี มีความมั่นใจมีกลยุทธ์ในการเอาชนะใจคนรากหญ้าได้ และมั่นใจว่า จะเจาะภาคอีสานได้มากกว่าครั้งที่แล้ว (ปัจจุบัน พลังประชารัฐ มี ส.ส.เขต 14 คน)
จะเห็นได้ว่า พรรคพลังประชารัฐ ขับเคลื่อนได้ด้วยบารมี “บิ๊กป้อม” ซึ่งมีมือทำงานอย่างผู้กองธรรมนัส ที่รู้อกรู้ใจกันดี