พี่สาวใจสลาย น้องชายกลับจาก รพ. 20 นาที หมดสติสิ้นใจ เผย รพ.แทบไม่รักษา
พี่สาวใจสลาย น้องชายกลับจาก รพ. 20 นาที หมดสติสิ้นใจ น้องเล่าก่อนตาย รพ.แทบไม่ตรวจ จ่ายยาก่อนให้กลับบ้าน เผยคำพูดสุดท้ายสุดสะเทือนใจ ซ้ำไม่มีคำอธิบายจาก รพ.
3 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ขอความช่วยเหลือ วอนพลังโซเชียลทวงคืนยุติธรรมให้น้องชาย โดยรายละเอียดระบุว่า
วอนทุกคนช่วยกันเเชร์ เพื่อทวงความยุติธรรมให้น้องชาย วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 น้องชาย มีอาการหายใจไม่สะดวก เเน้นนหน้าอก ไข้สูง ตัวร้อน น้องมีประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนเเห่งนี้ ในนครสวรรค์ น้องได้ไปทำการรักษาที่ รพ.เอกชนเเห่งนี้ อาการที่น้องได้แจ้งทางโรงพยาบาลว่าหายใจไม่สะดวก เเน่นหน้าอกมีไข้เเบบนี้ควรรับไว้ดูอาการสักพัก หรือทำการรักษาไม่ใช่เเค่ชักประวัติ แค่ถามอาการเสร็จให้ผู้ป่วยไปนั่งรอรับยาข้างนอก
น้องชายกลับมาถึงบ้าน ได้ถามน้องชายว่าหมอว่ายังไงบ้าง เห็นน้องชายเดินกระสับกระส่ายหายใจเหนื่อยๆ น้องบอกว่าไม่เห็นตรวจอะไรเลย ได้แต่ถามอาการแล้วให้รอรับยา พอคุยเสร็จน้องก็หมดสติไป ยังไม่ถึง 20 นาที จากโรงพยาบาลมาถึงบ้าน ที่บึงเสนาท ใช้เวลาไม่เกิน 5-10 นาทีเลยค่ะ
น้องมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด น้องชายหมดสติคำที่น้องพูดออกมาคำสุดท้าย พี่หนูไม่ไหวแล้ว เป็นคำสุดท้ายที่น้องได้พูด ทางเราได้โทรเรียกรถโรงพยาบาล 1669 มารับน้องชาย พวกเรากังวลใจมาก ระหว่างรอรถโรงพยาบาลพวกเราได้ทำการ CPR น้อง ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และตัดสินใจไม่รอรีบเอาน้องใส่รถยนต์ ก่อนที่จะขับสวนรถโรงพยาบาลบนสะพานป้อม 1 น้องได้หยุดหายใจไป 8 นาที ก่อนหน้าที่จะถึงรถโรงพยาบาล คิดดูว่าอีกกี่นาที
เขาเอาน้องส่งโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เจ้าหน้าที่รีบเอาน้องเข้าห้องฉุกเฉิน ทุกอย่างทำอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยื้อชีวิตน้องไม่ได้ แต่ถ้าวันนั้นน้องได้รับการตรวจรักษา หรือให้อยู่เพื่อดูอาการทุกอย่างคงไม่เป็นเเบบนี้ ไม่สูญเสียไวเเบบนี้ ถ้าทำการตรวจรักษาเร็วกว่านี้
ถ้าวันนั้นทางโรงพยาบาลได้ทำการตรวจให้น้อง รอดูอาการ หรือทำการรักษา หรือตรวจอย่างละเอียดอาจจะทัน หรืออย่างน้อยน้องก็อาจจะเสียชีวิตใน ร.พ ทางเราจะไม่ติดใจเอาความใดๆ ถ้าคุณใส่ใจมากกว่านี้ ถ้าเป็นญาติของคุณบ้างพวก คุณจะรู้สึกยังไง
น้อง-ทุกคนที่ทำประกันโรงพยาบาลของคุณ เขาไว้ใจและเชื่อมั่นในโรงพยาบาลของคุณ ถึงได้เลือกโรงพยาบาลของคุน เป็นที่วางใจ อุ่นใจไว้ใจยามเจ็บป่วย เราพยายามโทรหาโรงพยาบาลคุณตั้งแต่น้องหมดสติไป ทางโรงพยาบาลได้แต่พูดคำว่าทางเราเสียใจ ขอเบอร์เพื่อโทรกลับ จนกระทั่ง 16:20 น. น้องชายเสียชีวิต ทางเราพยายามติดต่อเพื่อให้ทางโรงพยาบาลรับทราบว่าน้องชายได้เสียชีวิต เพราะความประมาทในการรักษาของทาง รพ. คุณ เรากับเมียน้อง ลูกชายน้อง อยากทราบสาเหตุที่ทำไมไม่รับน้องไว้ดูอาการหรือทำการรักษา
รอโทรศัพท์คุณไม่มีเจ้าหน้าที่ใครสักคน ที่โทรกลับมาจนกระทั่งวันที่ 1 ส.ค. 2567 เราได้เข้าไปที่โรงพยาบาลเเห่งนี้ เพื่อขอทราบสาเหตุที่น้องบอกว่าไม่เห็นมีแพทย์ตรวจเลย มีเเค่ชุดสีน้ำเงินถามอาการแล้วไห้ไปนั่งรอรับยา มีการเซ็นการตรวจไว้ล่วงหน้าเเล้ว ในใบรับรองแพทย์ระบุว่าน้องชายคออักเสบ สุดท้ายน้องได้เสียชีวิตลง
ทางเราพยายามติดต่อทางโรงพยาบาลเป็นระยะๆ แต่ไม่มีการติดต่อกลับเลยสักครั้ง 1ส.ค. 2567 ช่วงสายๆ เราเข้าไปที่โรงพยาบาล เพื่อเจรจาแล้วถามถึงสาเหตุ โรงพยาบาลกลับนัดให้มาใหม่ในเวลา 14.30 น. พอไปตามนัดกลับไม่ได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด แถมบ่ายเบี่ยงพูดแต่เรื่องอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องสาเหตุที่ไม่รอดูอาการหรือรักษาเลย เขาพยายามโน้มน้าวให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาพูด โดยพูดวิชาการต่างๆ ให้เรามองว่ามันยุ่งยากน่ากลัว เรากับเมียน้องชายไม่ได้รับความกระจ่างใดๆ ทั้งสิ้น
หลังจากเจรจาเสร็จ นายแพทย์ให้เบอร์ไว้ บอกว่าติดต่อเบอร์นี้โดยตรงไม่ต้องโทรเข้าประชาสัมพันธ์ จนวันนี้คืนที่ 4 คืนสุดท้ายของการสวดอภิธรรม ก็ยังไม่มีการติดต่อจากโรงพยาบาล โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2567 เราโทรไปยังเบอร์ที่นายเเพทย์ให้ไว้ กลับถูกตัดสายทิ้ง โทรไปอีกก็ไม่รับสาย เราต้องการแค่ให้ โรงพยาบาล แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงน้ำใจมากกว่านี้ ไม่มีแม้แต่พวงหรีดส่งมาแสดงความเสียใจ เขากลับเลือกที่จะนิ่งเพื่อให้ผ่านเวลาไป
น้องชายเป็นเสาหลักของครอบครัว มีลูกชายที่กำลังเรียนหนังสือ มีภรรยาที่ต้องดูแล เรามีกันแค่ 2 พี่น้อง ต้องมาเสียน้องชายอันเป็นที่รักไป ขอความยุติธรรมให้น้องด้วย