EXIM BANK ชี้แจง ปมพ่อค้าซาลาเปาแบกหนี้ 2 ล้านบาท
"EXIM BANK" ชี้แจง ปมพ่อค้าซาลาเปาแบกหนี้กว่า 2 ล้านบาท หลังสืบจนรู้น้องชายแท้ๆ ปลอมลายมือชื่อเปิดบริษัท
23 ก.ย. 2567 จากกรณีที่นายชุมพล (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี พ่อค้าขายซาลาเปา เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเดือน ก.ค. 2566 มีจดหมายทวงหนี้จากธนาคารแห่งหนึ่ง ยอด 2,559,041.16 บาท (สองล้านห้าแสนห้าหมื่นเก้าพันสี่สิบเอ็ดบาทสิบสี่สตางค์) ตอนแรกตนเองตกใจมาก คิดเพียงว่ามันเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร
ต่อมาตนสืบจนรู้ความจริงว่า น้องชายแท้ๆ มายืมบัตรประชาชนไปทำเรื่องซื้ออะไหล่รถ แต่สุดท้ายเขาเอาชื่อตนเอง ปลอมลายมือชื่อ ไปเปิดบริษัท แล้วไปทำเรื่องกู้เงิน แล้วไม่ใช้หนี้ จนธนาคารมาทวงหนี้กับตน จึงไปแจ้งความดำเนินคดีกับน้องชายไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี
ล่าสุด EXIM BANK ชี้แจงกรณีเงินกู้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ชี้แจงต่อกรณีปรากฏข่าว เกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวรายหนึ่ง ได้รับการติดตามหนี้จากธนาคารว่า เป็นกรณีเงินกู้ของ EXIM BANK แก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปี 2565
ต่อมาภายหลังพบว่า ผู้กู้มีข้อพิพาทภายในครอบครัวและไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันการชำระหนี้ที่ระบุในสัญญาเงินกู้ ธนาคารจึงได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการติดตามหนี้ทางกฎหมาย โดยธนาคารขอยืนยันในเจตนารมณ์ และภารกิจการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในวงจรการค้าระหว่างประเทศ ให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ในภาวะความยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19
ธนาคารมุ่งมั่นทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติที่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยขอให้ลูกค้าปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อผูกพันที่มีกับธนาคาร และติดต่อธนาคารโดยตรง หากมีความยากลำบากในการชำระหนี้ เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นธรรมภายใต้กรอบกฎหมายต่อไป