ข่าว

ลูกค้า “แม่ตั๊ก กรกนก” แห่คืนทองคำ รถจอดยาว 500 เมตร ขณะที่ร้านติดป้ายห้ามถ่ายรูป

ลูกค้า “แม่ตั๊ก กรกนก” แห่คืนทองคำ รถจอดยาว 500 เมตร ขณะที่ร้านติดป้ายห้ามถ่ายรูป

24 ก.ย. 2567

ลูกค้า “แม่ตั๊ก กรกนก” แห่คืนทองคำจนแน่นร้าน รถจอดหน้าร้านยาว 500 เมตร หลายคนเข็ดกับการซื้อทองออนไลน์ ขณะที่ร้านทองติดป้ายห้ามถ่ายรูป-คลิป

24 ก.ย. 2567 กรณี ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปนำทองคำที่ซื้อจากไลฟ์สดของช่อง TikTok ของ "แม่ตั๊ก กรกนก" แม่ค้าขายทองออนไลน์ชื่อดัง เจ้าของร้านทอง เป็นสร้อยพร้อมจี้ไอ้ไข่ และ ดอกไม้ทองคำ นำไปขายที่ร้านทอง แต่ปรากฏว่าร้านทองไม่รับซื้อ เพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์ทอง และไม่มียี่ห้อ เชื่อว่าถ้ารับซื้อแล้วนำไปหลอม จะไม่เหลือทองเลย ซึ่งต่อมา แม่ตั๊ก ได้ยอมรับซื้อทองคำทั้งหมดคืน โดยยอมรับว่าในไลฟ์ขายทองอาจให้รายละเอียดไม่หมด

 

ซึ่งต่อมา ลูกค้าได้นำทองคำมาขายคืนแม่ตั๊ก ที่ร้านทอง ริมถนนหทัยราษฎรณ์จำนวนมาก ขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวให้ความสนใจเข้าติดตามทำข่าวและสัมภาษณ์ลูกค้าที่นำทองคำมาขายคืนด้วย

โดย พี่เจน และพี่แจม คือหนึ่งในลูกค้าที่นำทองมาขายคืนให้กับร้านดังกล่าว พร้อมเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติเป็นคนซื้อทองเก็บเพื่อเก็งกำไร และซื้อทองเพื่อแจกให้กับลูกหลานอยู่แล้ว ประกอบกับตนได้ติดตามดูการขายทองของแม่ตั๊ก มาโดยตลอด เห็นว่าเขาใจบุญ มีการทำบุญอยู่ตลอด มีร้านทอง มีความน่าเชื่อถือ ในปี 2565 จึงตัดสินใจซื้อทองกับร้านทองดังกล่าว ผ่านทางออนไลน์  โดยมีสร้อยปี่เซียะ 8 ตัว และ ปี่เซียะตัวใหญ่ 1 ตัว และ ไอ้ไข่ พร้อมสร้อยอีก 2 ชิ้น รวมมูลค่าขณะนั้น 55,535 บาท

 

ภายหลังจากที่ตนได้ซื้อทองผ่านทางออนไลน์ไปแล้วนั้น ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับร้านทองดังกล่าว ซึ่งเพื่อนเคยเตือนว่าสิ่งที่เห็น(เรื่องใจบุญสุนทาน) อาจจะไม่ใช่ชีวิตเขาจริงๆก็ได้ แต่ตนก็มองว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าซื้อทองมาแล้ว จนกระทั่งเมื่อมีข่าวว่าร้านทองดังกล่าวมีการขายเปอร์เซ็นต์ทองที่ต่ำ ทำให้บางร้านไม่รับซื้อ จึงตัดสินใจนำทองมาขายคืนกับทางร้าน

แม่ตั๊ก กรกนก

ซึ่งสำหรับ ปี่เซียะ ตนสามารถขายได้เต็มราคา ตามที่เจ้าของร้านได้เคลมไว้ แต่เนื่องจากตนเอาของแถมมาคืนไม่ครบ จึงถูกหักไปบางส่วน ส่วนไอ้ไข่ ขายได้เหมือนกัน แต่ถูกหักไปมากกว่าครึ่ง  โดยปี่เซียะนั้น ทางร้านรับซื้อคืนเต็มจำนวนก็จริง แต่สำหรับทองรูปพรรณอื่นๆนั้นทางร้านจะใช้วิธีคิดตามน้ำหนักทอง ซึ่งการขายทองในครั้งนี้ ตนขายไปทั้งหมดได้ประมาณ 38,829 บาท ขาดทุนไป 16,705 บาท 

 

ปกติแล้วการขายทองควรจะได้กำไร เนื่องจากทองราคาขึ้นตลอด ตอนแรกตนเองก็มีความลังเลว่าจะนำทองมาขายหรือจะไปดำเนินการที่ สคบ. แต่เมื่อมานั่งคิดดูแล้วพบว่า พอมีมูลค่าค่อนข้างมาก และตนก็ไม่อยากจะไปดำเนินเรื่องให้วุ่นวาย จึงนำทองมาขายคืน

 

ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุก็คือ ตนเป็นคนซื้อทองเพื่อแจกจ่ายให้กับลูกหลานอยู่แล้ว กลัวว่าในอนาคตถ้าลูกหลานนำทองไปขาย จะเหมือนกับกรณีของลูกค้าคนหนึ่งที่แม่เอาทองมาขว้างหน้าแล้วบอกว่าเอาทองปลอมมาให้ทำไม  โดยหลังจากนี้ตนเองก็ยังจะคงซื้อทองเพื่อที่จะเก็งกำไรต่อไป แต่คงซื้อที่หน้าร้านมากกว่า และต้องระวัง เรื่องการซื้อทองเพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องมีการดูรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ด้วยเช่นเดียวกัน สุดท้ายนี้อยากฝากไปถึงแม่ตั๊กว่า การขายของก็อยากจะให้ชี้แจงข้อมูลให้ชัดเจน

 

ด้านนางสาวอมรรัตน์ อายุ 41 ปี เล่าว่า ตัวเองซื้อปี่เซี่ยะตัวใหญ่ในไลฟ์ 1 ตัว พร้อมเม็ดทองกลมในราคา 140,000 บาท เมื่อปี 2564 โดยมีของแถมจำนวนมาก เช่น 12 นักสัตว์ ปี่เซี่ยะคู่ตัวผู้-เมีย และพระพิฆเนศเป็นต้น ซึ่งทางไลฟ์แจ้งน้ำหนักมาคือ 34.03 กรัม และแจ้งว่าเป็นทอง 99.99%

 

จนเมื่อปี 2565 ตัวเองได้นำปี่เซี่ยะไปขายที่ร้านทองอื่นๆ กลับพบว่าเม็ดทองกลม เป็นทองปริมาณ 90% เท่านั้น และขณะนั้นร้านก็ตีราคารับซื้อให้ประมาณ 60,000 บาท ตัวเองจึงตัดสินใจไม่ขาย  ซึ่งที่ตัดสินใจซื้อทองออนไลน์ร้านแม่ตั๊ก เพราะคิดว่าเป็นร้านที่ไว้ใจได้ และช่วงปี 2564 ร้านกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นิยม

 

พอเมื่อมีกระแสดราม่า และหลังจากที่ตัวเองได้ดูโหนกระแส ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะทางร้านไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจน จึงตัดสินใจเดินทางมาคืนทองในวันนี้ ซึ่งตัวเองได้รับเงินคืนเต็มจำนวน คือ 140,000 บาท

 

ส่วนตัวมองว่าของไหว้บูชา หรือวัตถุมงคลมีราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จึงเต็มใจที่จะซื้อ ยืนยันว่าจะอุดหนุนร้านแม่ตั๊กเหมือนเดิม เพราะทางร้านไม่ปัดความรับผิดชอบ แต่ก็อยากให้ทางแม่ตั๊กและคุณเบียร์พูดความจริงทั้งหมด เข้าใจว่าการค้าขายต้องหวังผลกำไร แต่อยากให้คำนึงถึงกลุ่มลูกค้าที่ซื้อทองเพราะส่วนใหญ่ก็เป็นคนรากหญ้าที่อาศัยใช้เงินเก็บในการซื้อ

 

ทางด้านพี่รงค์ กับพี่หมู สองสามีภรรยา ที่เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เพื่อนำทองคำมูลค่ากว่า 48,880 บาท มาขายคืนให้กับร้านทอง โดยทั้งคู่เปิดเผยว่า เมื่อก่อนเวลาจะซื้อทองคำ จะซื้อผ่านหน้าร้านที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ส่วนกรณีที่มีการซื้อทองแม่ตั๊ก ผ่านทางออนไลน์นั้น เป็นการซื้อทองผ่านทางออนไลน์ครั้งแรก และครั้งเดี๋ยว โดยตนเองเป็นแฟนคลับของแม่ตั๊ก ติดตามตั้งแต่เขาขายอาหารเสริม ดูเขาเป็นคนใจบุญ จนกระทั่งเขามาขายทอง จึงอยากอุดหนุน และได้มีการซื้อไป 2 ชิ้น เป็นจี้และสร้อยปี่เซียะ สร้อยมูลค่า 33,000บาท และจี้ปี่เซียะ ราคา 15,880  บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองเคยนำ จี้ไปตีราคาที่ร้านทองในจังหวัดนครราชสีมาแล้ว แต่ราคากลับตกลงมากว่าครึ่งหนึ่ง จากราคาที่ซื้อมา แต่ตอนนั้นกลัวว่าสามีจะว่าจึงได้เงียบไว้ จนกระทั่งมีข่าวออกมา สามีจึงบอกว่าให้เอาไปขายคืน จึงเสี่ยงเดินทางไกลมาขายทองคืนให้กับร้าน

 

ในขณะที่พี่รงค์ สามี กล่าวด้วยว่า วันนี้นำทองมาขาย ได้ราคาคืนเต็มร้อยเหมือนกับที่ซื้อไปในช่วงแรก ส่วนสาเหตุที่ไม่คืนทางออนไลน์ และตัดสินใจขับรถมาคืนทองด้วยตัวเอง เนื่องจากตนมองว่า หากจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน จำนวนเงินค่อนข้างมาก จึงไม่อยากเสี่ยงขอคืนเงินทางออนไลน์

 

ทั้งนี้เวลา 12.56 น. พนักงานของร้านทอง ได้นำกระดาษ A4 มาติดไว้ที่บริเวณหน้าประตู โดยมีข้อความว่า "งดถ่ายรูปงดถ่ายคลิป ทุกกรณี"

 

ซึ่งในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวได้ติดตามสถานการณ์ก็พบว่ามีลูกค้า ของทางร้าน เดินทางนำทองคำ มาขายทองคืนกันอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณฟุตปาธ ตั้งแต่หน้าร้านทอง มีรถยนต์จอดเทียบฟุตปาธยาวตลอดแนว ยาวประมาณ 500 เมตร