ไม่ถึงขั้นจับสึก! “พระพยอม” ติง “ว.วชิรเมธี” ชี้เทศน์ถูกหลัก “หัวใจเศรษฐี”
“พระพยอม” ติง “ว.วชิรเมธี” ชี้เทศน์ธุรกิจถูกหลัก “หัวใจเศรษฐี” แต่ต้องเชียร์ธรรม ไม่ใช่ เชียร์บริษัท ลั่นไม่ถึงขั้นจับสึก
18 ต.ค. 2567 จากมหากาพย์ดราม่า “บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป (The iCon Group)” ธุรกิจขายตรงที่มีผู้เสียหายนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีเหล่าดารา คนดัง เข้ามาเกี่ยวพันหลายคน นอกจากดาราแล้ว ยังมีพระอาจารย์ชื่อดังที่เคยร่วมเฟรมถ่ายภาพด้วยอย่าง “พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)”
โดน พระ ว.วชิรเมธี ได้เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กเพจส่วนตัว ข้อความระบุว่า “ขอพระอาจารย์พูดบ้าง ถึง หนุ่ม กรรชัย” แต่ไม่กี่นาทีต่อมาก็ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้ง อย่างไรก็ตาม ชาวโซเชียลได้เซฟข้อความดังกล่าวไว้ทัน รวมถึงเพจดัง อรรถรส ก็ได้รายงานข้อความนี้ โดยสรุปใจความว่า
ตลอดที่เกิดเรื่องก็เงียบมาตลอด เพราะคิดว่าความบริสุทธิ์ใจจะปกป้องตัวเอง ทางฝั่ง ดิไอคอน กรุ๊ป ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า พระท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในคลิปที่ปรากฏ คำว่า “ถ้างั้นก็ดิไอคอนแล้ว” เป็นเชิงเย้าหยอก ขำ ๆ “การนิมนต์ เขาไม่ได้เรียกแค่อาตมา แต่เรียกพระหลายรูป ส่วนตาลปัตรก็เป็นของที่บริษัทมีอยู่แล้ว พระทุกองค์ที่ไปใช้ก็ได้เช่นกัน เรื่องสอนให้อดออม ก็ตามพระไตรปิฎก แต่แค่ปรับเนื้อหาให้ทันสมัย ทำไมยังไม่เข้าใจ ใจคอจะเอาพระเข้าคุกว่างั้นเถอะ
หนุ่มใกล้จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยเข้าไปทุกวันแล้วนะ โหดเหี้ยม ขาดความเห็นอกเห็นใจแขกและคนที่ตกเป็นข่าว หนุ่มยังเป็นพิธีกรอยู่หรือเปล่า หรือว่าตอนนี้กลายเป็น ‘ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องไปแล้ว”
ล่าสุดวันนี้ 18 ต.ค. 2567 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบพระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีนี้ ว่า ในกรณีของพระ ว.วชิรเมธี ที่ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับการบรรยายธรรม ให้กับบริษัทขายตรงที่กำลังเป็นประเด็น
การรับเงินบริจาคไม่ว่าจะ 10 บาท หรือ 1 ล้านบาท หรือการไปตามเทศน์บรรยายธรรมหลังถูกนิมนต์นั้น ไม่มีความผิด จะผิดก็ต่อเมื่อพระไปเรียกเงินไถเงินญาติโยม ส่วนประเด็นคลิปที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เท่าที่ได้ดูและฟังคลิปแล้ว พระ ว.วชิรเมธี ได้เทศน์ตรงตามหลักเรื่อง “หัวใจเศรษฐี” ซึ่งสอนถึงการทำมาหากินอย่างขยัน การอดออม และการใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม ถือว่าไม่ผิด ควรเน้น “เชียร์ธรรม” ไม่ใช่ “เชียร์บริษัท”
แต่ประเด็นที่สังคมจับตามองคือคำพูดที่ว่า “อยากรวย ต้อง The iCon” ในกรณีนี้ต้องดูเจตนาว่าพูดในเชิงชักชวนหรือพูดหยอกเล่น แต่ตามหลักแล้วไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า
อย่างไรก็ตาม อาตมาไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครถูกหรือผิด เนื่องจากทนายเดชาได้ชี้ว่าคำพูดของ ว.วชิรเมธี ผิดหลักกฎหมาย จึงสรุปได้ว่า หากเทศน์ตามหลักหัวข้อ “หัวใจเศรษฐี” ไม่มีความผิด หากนอกเหนือจากนั้นไปพูดเสริมเข้าข้างให้ประโยชน์แก่บริษัท และพาผู้ที่หลงเชื่อเดือดร้อน อาจจะถูกคณะสงฆ์ตักเตือน แต่ไม่ถึงขั้นจับสึก
ส่วนตัวมองว่าท่าน ว.วชิรเมธี มีประโยชน์ต่อศาสนา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นปัญญาชน หาพระนักเทศน์ นักเขียน ลักษณะแบบนี้ยาก จึงอยากฝากบอก ว.วชิรเมธี ว่า อยากให้หนักแน่น อย่าใจน้อย อย่าถอดใจ ให้อยู่กับพระรัตนตรัย ช่วยเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาต่อไป พระน้อยองค์จะทำได้เช่นท่าน
ส่วนสังคมที่ตั้งคำถามกับกรณีนี้ ข้าพเจ้าขอฝากคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสว่า “เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีที่เขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยวค้นหา สหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง”
พระพยอมยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ ว.วชิรเมธี โพสต์หนังสือชี้แจงวิพากษ์หนุ่ม กรรชัย โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “หนุ่มเป็นพิธีกรอยู่หรือเปล่า หรือว่าตอนนี้กลายเป็น ‘ฆาตกรต่อเนื่องไปแล้ว’” ซึ่งอาตมามองว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเปิดศึกศัตรูเพิ่ม ไม่ควรพูด เพราะหนุ่มทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของชาวบ้าน ทำหน้าที่สื่อมวลชน ใครถูกใครผิดก็ชี้แจง ซึ่งตอนนี้ก็แบ่งเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายเชียร์หนุ่ม กรรชัย และฝ่าย ว.วชิรเมธี ข้าพเจ้าอยากให้เรื่องจบโดยไม่มีใครเจ็บ อย่าโกรธเคืองหรือแค้นกัน สุดท้าย อาตมามองว่า ว.วชิรเมธี ควรเงียบ ไม่พูดจะดีกว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง”