รู้แล้ว! สาเหตุ "บอสพอล" โอนเงินทำบุญ เข้าบัญชีส่วนตัว "พระมหาอุดร" แบบฉ่ำ
รู้แล้ว! สาเหตุ "บอสพอล" โอนเงินทำบุญ เข้าบัญชีส่วนตัว "พระมหาอุดร" แบบฉ่ำ เผย เพื่อความสะดวก-คุมงบประมาณง่าย ยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางคดี
จากกรณีเพจดัง “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์ภาพสลิปการโอนเงิน ระบุชื่อผู้โอน "บอสพอล" ส่วนบัญชีผู้รับโอน คือ "พระอุดร บุญชูหล้า" พร้อมระบุข้อความว่า "บอสพอลโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัว ให้พระมหาอุดร บุญชูหล้า แบบฉ่ำมาก โดยส่วนใหญ่จะโอนทีละ 200,000-600,000 บาท บางเดือนโอนไป 2-3 รอบ (สลิปแค่ส่วนหนึ่ง)
ในระยะเวลาไม่กี่ปี บิ๊กบอสพอลโอนเงินบริจาครวมๆ กว่า 12 ล้าน ผ่านพระรูปหนึ่ง โดยอ้างว่าทำบุญวัดสว่างน้ำใส แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่วัดก็มีบัญชีวัดอยู่แล้ว แต่มักโอนเข้าผ่านพระรูปนี้ตลอดเลย แว่วๆ มาว่า บอสพอลค่อนข้างสนิทมากซะด้วย มักจะทำแต่ที่นี่ประจำ ลองตรวจสอบดูอาจเจออะไรดีๆ บอสปัน ก็เอากับเขาด้วยนะ"
20 ต.ค. 2567 เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสว่างน้ำใส บ้านวังยาว หมู่ 5 ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ได้พบกับพระมหาอุดร บุญชูหล้า ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงวัดเมื่อช่วงเช้า หลังจากผ่านช่วงเข้าพรรษา
สอบถาม พระมหาอุดร ทราบว่า ปกติจะจำพรรษาอยู่ที่วัดใน กทม. และจะมาที่วัดสว่างน้ำใสหลังจากเข้าพรรษาทุกปี เพื่อดูแลแม่ที่อายุมาก ซึ่งบ้านอยู่ในหมู่บ้านวังยาวแห่งนี้ และตัวท่านเองก็เกิดที่บ้านวังยาวด้วย จะกลับมาที่วัดสว่างน้ำใส นำเงินที่ญาติโยมทำบุญมาพัฒนา และทำนุบำรุงภายในวัดสว่างน้ำใส
พร้อมทั้งพาเดินดูโดยรอบบริเวณวัดสว่างน้ำใสซึ่งเป็นโซนที่มีการสร้างเพิ่มเติมเป็นส่วนของ ศาลาปฏิบัติธรรมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และ พระมหาเจดีย์พุทธมงคลวัดสว่างน้ำใส ที่มีคลิปบอสพอลและคณะมาทำบุญทอดกฐินและถ่ายคลิปลงในโซเชียล
พระมหาอุดร กล่าวว่า รู้จักบอสพอลครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดใน กทม. บอสพอลได้มาทำบุญที่วัดเรื่อยๆ เป็นเหมือนญาติโยม ลูกศิษย์ทั่วไป ประเด็นที่บอสพอลโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวไม่โอนเข้าบัญชีวัด เพราะว่าจะได้นำไปทำบุญต่อได้สะดวกกว่าการใช้บัญชีวัด
ไม่ได้มีแค่บอสพอล ที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว แต่ญาติโยมคนอื่นๆ ที่ร่วมทำบุญ ก็โอนเข้าบัญชีส่วนตัวเช่นกัน โดยยืนยันว่า ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว แต่นำไปทำนุบำรุงที่วัดสว่างน้ำใส ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารสำหรับญาติโยม ที่มาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะช่วงที่มีงานบุญต่างๆ
นอกจากนี้ยังนำมาสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นในวัดด้วย ทั้งบ่อบาดาล 3 บ่อ บ่อละ 200,000 บาท ที่ต้องขุดเจาะลงไปลึก 150 เมตร เดินสายไฟ หอกระจายข่าว ถังประปา กุฎิที่อาตมาอยู่ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เฉพาะบอสพอลแต่เป็นเงินทำบุญของญาติโยมคนอื่นๆ ด้วย
กรณีที่บอกว่าโอนเงินมาให้ปีละเป็นล้านนั้น พระมหาอุดร ยืนยันว่าไม่ถึง มีเพียงช่วงหลังโควิดเมื่อปี 2564 ที่ทำบุญเข้ามาประมาณครั้งละ 200,000 บ้าง 400,000 บ้าง 600,000 บ้าง ก็จะนำไปใช้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม และทุกๆอย่างในวัด แต่จะต้องดูแลเงินเองเพื่อการประหยัดงบประมาณ
ส่วนที่มีการพยายามโยงมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ส่วนตัวจะไม่ทราบว่าบอสพอลทำอะไร เพราะไม่เคยบอก หรือทำธุรกิจอะไรก็ไม่ทราบ เห็นมีตอนที่รับกิจนิมนต์ไปที่บ้านบอสพอล ก็จะเห็นตอนถวายเท่านั้น พระจะไม่ยุ่งกับธุรกิจหรือครอบครัวของชาวบ้าน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ และไม่ถามญาติโยมว่าปัจจัยที่นำมาถวายนั้นบริสุทธิ์ไหม ถูกต้องไหม พระจะถามไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องมารยาทและคุณธรรม
พระมหาอุดร เล่าย้อนไปเมื่อ 10 ปี ก่อนที่รู้จักกันตอนนั้นบอสพอลยังถือว่าไม่ได้รวย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือยังจนอยู่ เป็นลูกศิษย์ที่นานๆ จะมาเจอกัน ไม่ได้เจอกันบ่อย ครั้งล่าสุดก็เจอกันปีที่แล้ว ที่มาทอดกฐินที่วัดสว่างน้ำใสแห่งนี้ ซึ่งเป็นปีเดียวที่บอสพอล มาพร้อมกับคณะหลายคน แต่ปีนี้ทีแรกบอกว่าจะมา แต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน บอกว่าไม่สามารถมาได้แล้ว จึงบอกบุญกับชาวบ้านญาติโยมได้ร่วมกัน ครั้งที่บอสพอลมาทอดกฐินนั้นได้เงินทำบุญ 1.3 ล้านบาท
กรณีที่เกิดขึ้นที่เป็นกระแสมาถึงอาตมามองว่า ส่วนหนึ่งบอสพอลจะชอบให้คนอนุโมทนากับการที่ตัวเองได้ร่วมทำบุญ อาจจะมีการโพสต์สลิปเงินทำบุญที่โอนทำบุญในบัญชีส่วนตัวของอาตมา ซึ่งเรื่องนี้เคยบอกบอสพอลไปอยู่ว่า คนรักมีน้อย คนเกลียดมีมาก อย่าทำเลย กระทั่งเรื่องมาถึงตนเองในวันนี้
ทางพระผู้ใหญ่ท่านเจ้าอาวาสก็ถามมาว่าจะทำอย่างไร ซึ่งอาตมาก็คิดเพียงว่าแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอสพอลในทางคดีแต่อย่างใด