ข่าว

นักกฎหมาย ชี้ ทนายนำรถลูกความไปใช้ เข้าข่ายยักยอก ผิดมรรยาททนายความ

นักกฎหมาย ชี้ ทนายนำรถลูกความไปใช้ เข้าข่ายยักยอก ผิดมรรยาททนายความ

20 ต.ค. 2567

นักกฎหมาย ชี้ชัด ทนายนำรถลูกความไปใช้ เข้าข่ายยักยอก ผิดมรรยาททนายความ โทษหนักยึดใบประกอบวิชาชีพ ด้าน ทนายดัง โพสต์แจงยิบ คดีเป็นแบบนี้?

จากกรณีพิธีกรดัง "หนุ่ม กรรชัย" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แฉทนายความท่านหนึ่ง นำรถของลูกความไปใช้ แล้วไม่คืนไฟแนนซ์ ทำให้ลูกความถูกฟ้องและบังคับคดียึดทรัพย์

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร และ นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความ ว่ากรณีดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือผิดมารยาททนายความหรือไม่

โดยนักกฎหมายทั้ง 2 ท่าน ให้ความเห็นว่า กรณีดังกล่าวนั้นมีทั้งความผิดที่เกิดจากอาญา เข้าข่ายในคดียักยอกทรัพย์  และผิดมรรยาททนายความ มีบทลงโทษถึงขั้นระงับใบประกอบวิชาชีพทนายความ ซึ่งกรณีนี้ทางผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ในพื้นที่ที่ทนายความคนดังกล่าวเอารถไปใช้ และสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับมรรยาททนายความ ได้ที่สภาทนายความ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาบทลงโทษต่อไป

ขณะเดียวกัน "ทนายธรรมราช" ออกมาเคลื่อนไหวชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ทิดกรรชัยลองอ่านดูนะ​ อ่านแล้วก็ช่วยแก้ข่าวให้ด้วย

ยอดไฟแนนซ์ฟ้อง​ 264,469 บ. โดยแยกเป็นค่าตัวรถ​ 171,469 บ. ค่าขาดประโยชน์​ 88,000 บ. ถัดจากวันฟ้อง​ เดือนละ​ 4,000 บ. ค่าทนายความ​และค่าฤชาธรรมเนียมศาลเป็นยอดที่คิดต่างหาก รวมเป็น​ 264,469 บ.+ค่าทนายค่าฤชาธรรมเนียม ตั้งทนายยื่นคำให้การ​ ศาลพิพากษาให้คืนรถหรือจ่าย​ ดังนี้

คืนรถหรือจ่ายราคาใช้แทน​ 70,000 บ. ค่าขาดประโยน์​ 33,000 บ. ค่าขาดประโยชน์ถัดจากวันฟ้องเดือนละ​ 1,500 บ. ++ ค่าทนายโจทก์และค่าฤชาธรรมเนียม จากยอดเต็มตามฟ้องไม่รวมค่าทนาย และค่าธรรมเนียมศาล​ 264,469 บ.​ ยอดลดไป​ ประมาณ​ 150,000 บ.เศษ​ คงเหลือยอดจ่ายประมาณ 120,000​ บ. เศษ​ ไม่รวมค่าใช้จ่ายค่าทนาย ถ้าชำระปิดยอดก็เก็บรถไว้ ถ้าคืนรถ​ก็ต้องจ่ายค่าขาดประโยชน์ตามคำพิพากษา​ ซึ่งยอดปรับลดมาแล้ว ถ้าเลือกช่องทางขายรถเพื่อนำมาปิดยอดก็อาจเหลือเงิน​ ถ้าขายได้เกินมูลหนี้​ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้

ก่อนรับคดีแจ้งรายละเอียดให้ทราบแล้ว ว่าหลังศาลพิพากษา ก็ต้องมีจ่ายค่าธรรมเนียมและค่าขาดประโยชน์​ ก่อนและถัดจากวันฟ้อง คำว่าส่วนต่างคือส่วนต่างตามสัญญาเช่าซื้อ หากส่งมอบรถในสภาพเรียบร้อยแล้วใช้งานได้ดี ผู้เช่าซื้อไม่ต้องเสียส่วนต่างตามสัญญาเช่าซื้อ แต่ค่าขาดประโยชน์และค่าหรือค่าธรรมเนียม ก็คือคนละส่วนกัน

ซึ่งเคสนี้ผมมองว่า จากยอดเต็ม 260,000 บาทเศษ ยื่นคำให้การ ทั้งถามค้านในคดี ลดยอดไปประมาณ 150,000 บาท คงเหลือประมาณ 120,000 บาท ถือว่าทำตามข้อตกลง ครบถ้วนแล้วครับ และยอดหนี้ลดไปเยอะมาก ซึ่งผมก็ไม่โทษทางลูกความนะครับ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะ มาแสดงความคิดเห็น แต่เนื้อหาคดีก็เป็นไปตามนี้ครับ