"พ่อค้าเสื้อวินเทจ" เปิดใจ ปัดล่วงละเมิดสาวท้อง อ้าง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ฟังอีกมุม "พ่อค้าเสื้อวินเทจ" เปิดใจ ปัดล่วงละเมิดสาวท้อง 8 เดือน อ้าง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ยอมรับทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง ทวงหนี้จริง
จากกรณีเพจดังโพสต์เรื่องราวดราม่า "พ่อค้าเสื้อวินเทจ" ทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง เพราะหาเงินมาใช้หนี้หลักแสนไม่ได้ ก่อนลากเมียรุ่นน้องท้อง 8 เดือน ไปขอมีอะไรด้วยบนรถ และลวนลาม ใช้มือจับของสงวน สุดท้ายรุ่นน้องต้องเอารถและที่ดินไปจำนำ หาเงินมาไถ่ตัวเมียคืน ส่วนรุ่นพี่รายนี้ถูกระบุว่า อาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี
24 ต.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปพูดคุยกับพ่อค้าเสื้อวินเทจคนดังกล่าว บอกว่า หลังเห็นข้อมูลที่โซเชียลเอาไปลง ก็รู้สึกช็อก และมีคนเข้ามาด่าตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องการนัดชำระหนี้สินเสื้อผ้าที่ขายกัน วันเกิดเหตุน้องเขามาหารุ่นพี่อีกคน ก็มีดื่มกินกันหน้าโรงแรม พอส่งรุ่นพี่อีกคนกลับเข้าห้องพัก ตนถามน้องเขาว่าจะไปนอนที่บ้านไหม และจังหวะนั้นก็ถามเรื่องหนี้สินที่ติดค้างกัน ตนยอมรับว่ามีการตบต่อยจริง
ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่าตนขู่บังคับขอมีอะไรกับเมียรุ่นน้องที่ท้อง 8 เดือน อันนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนมีโรคประจำตัวอยู่ คือ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เรื่องข่มขืนไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะมีพยานอยู่ด้วยกันหลายคน และอยู่กันแบบ 24 ชั่วโมง ไม่ใช่พามาแล้วอยู่กันสองต่อสอง แบบนี้ตนก็เสียหาย อยากจะแก้ข่าวให้ตนเอง เพราะตนก็เป็นผู้บริสุทธิ์
พ่อค้าเสื้อวินเทจ เล่าอีกว่า วันเกิดเหตุตนทำร้ายร่างกายเสร็จ ตนก็ขับรถพาวนไปขับคุยกันไป พอโมโหก็ทำร้ายอีก ยอมรับทำไปเพื่อข่มขวัญที่จะเอาเงิน แต่รุ่นน้องไม่มีเจตนาจะใช้หนี้เลย บอกแต่ว่ายังไงก็จะเอาเงินมาใช้หนี้ ตนถามว่าจะหาเงินมาจากไหน รุ่นน้องบอกว่าจะเอารถไปจำนำกับญาติ ตนก็ยังเป็นห่วง และยังได้ถามอีกว่าจะขับรถไหวไหม แล้วเดินทางไปกลับไหวไหม รุ่นน้องตอบว่ากลับไหว
ทั้งนี้ บ้านตนเป็นทาวน์เฮ้าส์ ตนจึงบอกว่าถ้าจะเดินทางไปแล้วกลับ ให้แฟนอยู่ที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นการไปกลับ เพราะเดินทางลำบาก พอใจเย็นลง ตนบอกรุ่นน้องว่า ถ้าติดใจเอาความเรื่องทำร้ายร่างกาย สามารถไปแจ้งความได้
กระทั่ง 08.00 น. รุ่นน้องได้ขับรถออกไป และประมาณ 14.00 น. กลับมาพร้อมเงิน 1 แสนกว่าบาท และใช้หนี้ตนจนหมด ตนไม่ได้ถามว่าเอาเงินมาจากใคร ในที่เกิดเหตุมีพยานหลายคน ซึ่งไม่มีการฉุดกระชากลากตามที่บอก รุ่นน้องสามารถเดินเข้าออกบ้านได้ตามปกติ วันนั้นยังนั่งคุยกันตามปกติ และรุ่นน้องยังมาขอโทษตน และตนก็ขอโทษกลับ
คิดว่าต่างคนต่างจบ ส่วนเรื่องที่ว่าตนมีแบ็คใหญ่ และตำรวจหนุนหลัง อันนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนยังเป็นคนให้เขาเป็นคนไปแจ้งความถ้าจะเอาเรื่องทำร้ายร่างกาย