สาวเล่าอุทาหรณ์ มิจฉาชีพปลอมเสียง เป็นคนดูแลพ่อ หลอกยืมเงียนเฉียดแสน
สาวเล่าอุทาหรณ์ มิจฉาชีพปลอมเสียง เป็นคนดูแลพ่อ ผู้ป่วยโรคไต หลอกยืมเงียนเฉียดแสน แจ้งความคดีไม่คืบ ตำรวจให้โทรถามเดือนละครั้ง
19 ธ.ค. 2567 เพจดัง "Drama-addict" โพสต์ข้อความ ระบุว่า "ลูกเพจฝากมา เคสนี้น่าสนใจ มิจฉาชีพปลอมเป็นคนดูแลพ่อที่ป่วยโรคไต" โดยลูกเพจรายนี้ เล่าว่า
14 เม.ย. 67 ช่วงบ่ายหนูส่งไลน์ถามหาเบอร์มือถือ A (ชื่อสมมุติ คนดูแลพ่อ) กับภรรยา A (สมมุติชื่อB) ซึ่งทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับพ่อ หนูอยู่คนละบ้านกับพ่อ หลังจากไลน์ถาม B ผ่านไปประมาณชั่วโมงครึ่ง มีสายแปลกโทรเข้ามาหาหนู (ไม่รู้คือจังหวะบังเอิญหรืออะไร และปกติหนูไม่รับสายที่ไม่รู้จักแต่รอบนี้คือพลาดมาก)
ประโยคแรกที่มิจพูดคือ "สวัสดีครับพี่ ผม A นะครับ ผมพึ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่ พี่เซฟเบอร์นี้ได้เลยนะครับ…" ถามถึงอาการพ่อก็ตอบได้เลยวางสายไป (เสียงและลักษณะการพูดเหมือน A มากเลยทำให้เชื่อว่าคือ A)
15 เม.ย. 67 ตอนเช้า A จะไปรับส่งพ่อฟอกไตที่โรงพยาบาล มิจฯ ที่ปลอมตัวเป็น A โทรมาช่วงเช้าพูดว่า ขอรบกวนยืมเงินเพื่อจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่เข้าบ้าน ตอนนี้อยู่หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์แล้ว แต่ลืมเอามือถืออีกเครื่องออกมา เดี๋ยวกลับถึงบ้านจะโอนคืนช่วงบ่าย (เป็นเวลาที่พ่อกำลังฟอกไตเสร็จ และ A กำลังไปรับ หนูเลยเชื่อ) มิจฯ บอกให้หนูโอนตรงเข้าบัญชีร้าน หนูเลยบอกว่าให้ส่งเบอร์บัญชีร้านมาทางไลน์ เลยแอดไลน์ร้านเฟอร์นิเจอร์ (มิจเอาชื่อร้านเฟอร์คนอื่นมาใช้ หนูลอง search google และ Facebook มีร้านนี้จริงเลยเชื่อ)
มิจฯ สร้างสถานการณ์เหมือนจริงว่าอยู่หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์กับเฮีย (เจ้าของร้าน) เปิด speaker phone คุยกันให้หนูได้ยินว่ากำลังตรวจสินค้าว่าครบมั้ย ก่อนเอาขึ้นรถไปส่งที่บ้าน พอหนูโอนครั้งที่ 1 เสร็จ ก็ขอยืมเพิ่มให้หนูโอนครั้งที่ 2-3 ต่อ ขอเพิ่มจำนวนเรื่อยๆจนครั้งสุดท้ายจะให้โอนเพิ่ม 2 แสน หนูตกใจเลยบอกมีเงินเท่านี้ สรุปโอน 3 ครั้ง รวม 79,000 บาท
หลังจากนั้นยังมีการติดต่อกัน มิจฯ จะพูดว่าผมกำลังถึงบ้านแล้วจะรีบจัดการโอนคืนให้พี่ไม่ต้องเป็นห่วง และจะดูแลพ่อให้ดีไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ฯลฯ พอประมาณ 4 โมงเย็น หนูโทรจะทวงเงิน มิจฯ ไม่รับโทรศัพท์ และลองโทรไลน์ร้านเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่รับสาย หนูเลยเอะใจและไลน์หาA (ตัวจริง) ว่ายังไม่ได้เงินเลย ให้โอนคืนด้วย A บอกไม่รู้เรื่อง เลยรู้ตัวว่าโดนมิจฯ หลอก หนูรีบโทรอายัดและแจ้งความทันทีเย็นวันนั้น
16 เม.ย. 67 ตำรวจออกหมายเรียกพยานเอกสารให้หนูส่งไปที่ธนาคารฯ เช้าวันที่ 19 เม.ย. หนูเข้า สน.ส่งคืนเอกสารให้ตำรวจเลยทราบว่าผู้ต้องหาติดต่อตำรวจแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และจะเข้ามา สน. เลยเจอหน้ากันช่วงบ่ายวันที่ 19 เม.ย. ตำรวจบอกให้ผู้ต้องหา หาเงินมาคืนหนูให้ครบให้เวลากลางเดือน พ.ค. วันนั้นยังไม่ได้ออกหมายเรียก เพราะตำรวจต้องได้รับเอกสารหลักฐานจากธนาคารก่อน วันนั้นเลยแยกย้ายกัน
หลังจากวันนั้นหนูตามเรื่องกับธนาคารให้เร่งส่งเอกสารให้ตำรวจไวๆ กว่าเอกสารจะถึง สน. วันที่ 6 มิ.ย. แต่หนูสอบถามตำรวจตลอดจะได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้รับเอกสาร สุดท้ายคือเอกสารหาย หนูเลยขอให้ตำรวจช่วยออกจดหมายให้ธนาคารส่งเอกสารฉบับใหม่ครั้งที่ 2 วันที่ 27 ก.ย. รอบนี้เอกสารถึง สน. วันที่ 24 ต.ค. สำเร็จ โดยที่หนูต้องโทรเร่งธนาคารเกือบทุกวัน เพราะกลัวจะเป็นแบบรอบแรกที่เอกสารส่งช้าและหาย
หนูเลยสอบถามตำรวจให้เร่งออกหมายเรียกผู้ต้องหาไวๆ ตำรวจออกหมายเรียกรอบที่ 1 ประมาณต้นหรือกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาแต่ผู้ต้องหายังไม่เข้ามา สน. ต้นเดือน ธ.ค. หนูโทรสอบถามสถานะความคืบหน้าตำรวจบอกว่าจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และจะเรียกเจ้าหน้าที่ธนาคารให้มาเป็นพยานด้วย ก่อนวางสายตำรวจพูดว่าให้โทรถามเดือนละครั้งก็พอ ส่วนรอบหน้าให้โทรถามกลางเดือน ม.ค. 68 เลย
อีกไม่กี่เดือนจะครบปีแล้ว หนูเหนื่อยใจ เครียดและท้อกับระบบเมืองไทยมาก ทั้งธนาคารและตำรวจดำเนินการทุกขั้นตอนช้ามาก ขนาดหนูพยายามตามเองทุกอย่างเพื่อให้รวดเร็วขึ้น หนูอยากให้คนทำผิดควรได้รับผลของการกระทำที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเงินกว่าจะหาได้มันยากมากและยิ่งจับเร็วเท่าไหร่ยิ่งป้องกันมิจฯ หลอกคนอื่นต่อ สงสารเราที่เป็นคนธรรมดาชาวบ้านไม่มีชื่อเสียงมากค่ะ