ข่าว

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต

17 มี.ค. 2568

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต โรงเรียนเรียนฟรี มีอาหารกลางวันฟรีเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ด้านซิสเตอร์ตอบแล้ว?

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ต่างชาติเปิดสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต โรงเรียนเรียนฟรี มีอาหารกลางวันฟรี เปิดแอร์เย็นฉ่ำ


17 มี.ค.2568 นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วย น.อ.พงศกร อิฐสมบัติ หัวหน้าบริหารงานบุคคล กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดภูเก็ต ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กคณะศรีชุมพาบาล Good Shepherd Phuket Town 


ซึ่งตั้งอยู่บ้านเลขที่ 35/8 หมู่บ้านหัชนา ซ.2/9 ถนนอนุภาษ ภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้พบกับซิสเตอร์ลักขณา สุขสุจิตร ซึ่งผู้อำนวยการของศูนย์คณะภคินีศรีชุมพาบาล ได้นำตรวจสอบภายในอาคาร พร้อมทั้งขอตรวจสอบเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารซึ่งทราบว่า ทางเทศบาลนครภูเก็ต เป็นผู้รับผิดชอบ 


ส่วนเกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดสอน จากทางกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีการขออนุญาต อาคารดังกล่าว เป็นอาคาร 3 ชั้น แบ่งลักษณะ คล้ายกับห้องเรียนมี 12 ห้อง ซึ่งภายในห้อง มีการติดแอร์ มีครูอาสาสมัครสอนนักเรียนอยู่แต่ละห้อง เด็กอายุตั้งแต่ 5 - 17 ปี ซึ่งในวันนี้มีเด็กๆ มาเรียนจำนวน 287 คน ชาย 142 คน หญิง 145 คน 

 

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต

ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอเมืองภูเก็ตเผยว่า มีการเผยแพร่คลิปทางสื่อออนไลน์ สื่อโซเชียล ทางอำเภอเมืองภูเก็ตได้รับมอบหมายจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ให้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ที่เกี่ยวข้องและลงมาตั้งแต่เมื่อวาน (16 มี.ค.68) มีเจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอของทางอำเภอเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบสถานที่ตั้งของศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิต

 

และวันนี้ (17 มี.ค.68) ตนได้ลงมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ก็ตามที่ได้เห็นปรากฏเป็นลักษณะเป็นศูนย์การเรียนรู้เนื้อที่ประมาณไร่กว่าๆ อาคารประมาณ 3 ชั้น มีห้องโถงขนาดใหญ่สำหรับทำกิจกรรมออกกำลังกาย ของเด็กๆ มีห้องเรียนทั้งหมด 12 ห้อง ใน 3 ชั้น มีห้องเรียน 12 ห้องเด็กที่เรียนที่ลงทะเบียนเรียนทราบจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์แจ้งว่ามีนักเรียนที่ลงทะเบียนไว้ 395 คน

 

  • มีห้องเด็กตั้งแต่ 5 - 7 ขวบ รวม 3 ห้อง 
  • ด็ก 9 - 12 ขวบ 2 ห้อง
  • และเด็ก 12 ปีขึ้นไปอีก 1 ห้อง


แต่ที่แจ้งไปไม่แน่ใจว่าครบ 12 ห้องหรือเปล่า แต่เมื่อกี้ได้รับข้อมูลมีทั้งหมด 12 ห้อง มีการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ มีวิชาที่เรียนที่สอนเริ่มจาก

  • วิชาคณิตศาสตร์ 
  • วิทยาศาสตร์
  • วัฒนธรรมสังคม 
  • เรื่องของภาษามีทั้งภาษาไทย 
  • ภาษาพม่า 
  • ภาษาอังกฤษและมีกิจกรรมต่างๆ 

 

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต

คล้ายๆ เหมือนกับโรงเรียนสอนหนังสือ แต่ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ที่นี่ว่า ไม่ได้ขออนุญาตตั้งเป็นโรงเรียน ครูที่มาสอนหนังสือก็เป็นครูอาสามีทั้งเป็นครูชาวไทย 5-6 คน ครูชาวพม่าประมาณ 7 คน และครูต่างชาติที่เป็นฝรั่งประมาณ 5 คน ครูฝรั่งจะหมุนเวียนมาแต่ละวัน แต่ครูที่ประจำอยู่ 12 คน คือครูคนไทย 5 คน ครูสัญชาติพม่าอีก 7 คน รวม 12 คน


ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นครูอาสา ไม่ได้เป็นครูที่เหมือนกับที่จัดตั้งโรงเรียนทั่วไป ต้องตรวจสอบอีกว่าสถานที่ตั้งตรงนี้ มีการอนุญาตถูกต้องของเทศบาลหรือไม่? ต้องดูเอกสารอีกครั้งหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่ของศูนย์แจ้งว่าขออนุญาตตั้งศูนย์มา 11 ปีแล้ว 

 

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต

ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตมีลักษณะคล้ายการสอนหนังสือ ก็อาจจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกระทรวงศึกษาธิการ ลงมาตรวจสอบว่าเข้าข่ายที่จะต้องขออนุญาตในการตั้งเป็นโรงเรียนสอนหนังสือหรือไม่ อย่างไร? อีกทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าวว่าสามารถสอนหนังสือได้หรือไม่? มีใบอนุญาตหรือไม่?

เด็กส่วนใหญ่ที่มาเรียนคือเด็กในชุมชนบริเวณนี้ชุมชนท่าเรือใหม่ ชุมชนองค์การสะพานปลา หน้าองค์การสะพานปลาและตำบลรัษฎา ตำบลตลาดใหญ่ และตำบลใกล้เคียงตำบลเกาะแก้วบางส่วน ไม่มีตำบลอื่นหรืออำเภออื่นในจังหวัดภูเก็ต เป็นเด็กชาวพม่า ชาวมอญที่มาเรียนหนังสือ 

การจัดตั้งเป็นศูนย์ตรงนี้ ถ้าไม่ได้เป็นการขออนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ จริงๆ แล้วถามว่าเจ้าหน้าที่ทราบไหม ทางเทศบาลนครภูเก็ตก็ทราบ ได้สอบถามแล้วเป็นการตั้งศูนย์ แต่อำนาจหน้าที่ของเทศบาลเป็นการดูแลการปลูกสร้างอาคาร ไม่ได้ดูแลไปถึงการตั้งโรงเรียนสอนหนังสือเลยไม่ทราบว่า จะเข้าข่ายในการตั้งโรงเรียนสอนหนังสือหรือเปล่า?


ชุมชนที่อาศัยอยู่เป็นชาวพม่าซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปบ้าง ออกประมงบ้าง ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบในเรื่องของใบอนุญาตสั่งตาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกระทรวงแรงงานกำลังตรวจสอบอยู่ว่า แต่ละรายที่เข้าไปเช่าบ้านในชุมชนท่าเรือใหม่ กับองค์การสะพานปลาเป็นชาวพม่าที่มีใบอนุญาตถูกต้องหรือเปล่า?

 

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต


ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบในชุมชนท่าเรือใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบผู้อาศัยอยู่ประมาณ 20 ครัวเรือน ส่วนชุมชนองค์การสะพานปลามีประมาณ 120 ครัวเรือน

ด้านซิสเตอร์ลักขณา สุขสุจิตร ผู้อำนวยการศูนย์คณะภคินีศรีชุมพาบาล เผยว่าบางทีเราก็รู้สึกตกใจกับข่าวที่ออกไป ซึ่งเราไม่ได้พึ่งเริ่มทำเราทำมานานแล้ว ทั้งร่วมประสานทางภาครัฐด้วย ทางภาค อบจ.และมีกิจกรรมทำร่วมกันหลายอย่าง และเขาก็รู้จักเราและเรารู้อยู่ว่าเป็นโครงการของเรา เราช่วยเด็กไม่ได้เลือกเชื้อชาติ หรือสัญชาติอะไร เราช่วยทุกคนไม่ว่าเด็กไทยเราก็ให้ทุนเป็นการศึกษาให้ได้เรียนไทย


ส่วนเด็กพม่าไม่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนไทยได้ เพราะเขาไม่มีศักยภาพในด้านภาษา แต่เรามีการพัฒนาตรงนี้สถานที่ตรงนี้ หลายคนคิดว่าเป็นโรงเรียน แต่เป็นเพียงศูนย์ฯ แต่ว่ามีเด็กเยอะจำเป็นต้องแบ่งออกเป็นห้อง ทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งเป็นการพัฒนาอีกแบบหนึ่ง จะพัฒนาเรื่องทักษะภาษาเป็นหลักโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ 


ในกรณีชาวพม่าเน้น ภาษาพม่า เน้นเรื่องภาษาพม่าเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ และเสริมเรื่องบางวิชามีวิชาคณิตศาสตร์ วิชาศีลธรรม วิชาวัฒนธรรมในเรื่องของโซเชียล  แต่เน้นหลักๆ คือในเรื่องของคณิตศาสตร์ และภาษาตามที่คนออกข่าวเขาพูดว่าสลัมคือมันไม่จริง เรารู้อยู่ว่าตรงนั้นเป็นองค์การสะพานปลา ซึ่งเป็นอาชีพของพวกเขาคือทำงานรับจ้างต้มปลา และทำงานทางเรือต่อเรือ

ลุยตรวจสอบ! ดราม่าสลัมใหญ่ที่สุดของพม่า ใจกลางภูเก็ต
มูลนิธิเราเปิดมาได้ประมาณ 10 กว่าปี จากศูนย์ตรงนี้เราเปิดมาได้ 11 ปี แต่มูลนิธิสาขาเราย้ายมาได้ประมาณสัก 6 ปี อาคารที่เก่าคือ 11 ปี ตัวนี้คือตัวใหม่ที่คลุมสนามเด็กเล่น เพิ่งจะเสร็จเมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่นี่ตลอด

บุคลากรที่มาสอน มาจากหลายที่มาในลักษณะเป็นอาสาสมัครกลุ่มนึง บางกลุ่มมาจากคนพม่าเอง เหมือนกับคนพม่ามาอยู่ที่ภูเก็ต แล้วเข้ามาสมัครงานกับเราส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมาจากประเทศพม่าถือพาสปอร์ตใหญ่ และมาเป็นกลุ่มอาสา ส่วนต่างชาติมาเยี่ยมมาเที่ยวและเข้ามาช่วยทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ 


บุคลากรตอนนี้มีอยู่ 23 คน  มีคนไทย 11 คน พม่า 12 คน ทุกคนมีรายได้เพราะเราให้แรงงานขั้นต่ำ เพราะทุกคนก็มีลูกมีครอบครัว เหมือนกับเป็นการจ้างอัตราจะไม่ได้สูงเหมือนทั่วไป งบประมาณของมูลนิธิมาจากส่วนหนึ่งพ่อแม่ได้สมทบในการช่วยเหลือ ของเงินเดือนคุณครู และค่าอาหารส่วนที่ขาดเหลือเรามีการระดมทุนบ้าง 


เรารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ พอเห็นข่าวตรงนี้ทำให้ภาพพจน์ของภูเก็ตเสียไปด้วย เราก็อยากจะขอโทษตรงจุดนี้ว่า จริงๆ อาสาสมัครที่มาครั้งนั้น เราก็ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเขามาทำข่าวที่กรุงเทพฯ และขอมาทำที่นี่ และตอนนั้นซิสเตอร์ก็ไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แนะนำไปตามงานที่เขาได้ทำ แต่ไม่คิดว่าเขาจะไปเขียนรวม แต่ตอนนี้ซิสเตอร์ พยายามขอเขาว่าทำ YouTube ให้อีกด้านนึง