ข่าว

เรื่องเล่านาทีระทึก แผ่นดินไหวขณะทำการผ่าตัด ผนังค่อยๆ แตกร้าว

เรื่องเล่านาทีระทึก แผ่นดินไหวขณะทำการผ่าตัด ผนังค่อยๆ แตกร้าว

30 มี.ค. 2568

เรื่องเล่านาทีระทึก แผ่นดินไหวขณะทำการผ่าตัด ผนังค่อยๆ แตกร้าว อพยพผู้ป่วยหนีตายจากชั้น 5 หมอเล่าละเอียดเจออุปสรรคอะไรบ้าง?

30 มี.ค. 2568 เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่ประเทศเมียนมา  จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณรอยเลื่อนสกาย ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลในเมียนมา รวมถึงประเทศไทยเองกับรู้ได้ถึงแรงสั่นไหว ตึกสูงและตัวอาคารทั่ว กทม.สั่นไหว มีรอยร้าวและเสษปูนหล่น ขณะที่อาคารก่อสร้างของ สตง. ย่านจตุจักรพังถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายเป็นจำนวนมาก

 

บุคลากรทางการแพทย์ เป็นอีกกลุ่มคนที่ชาวเน็ตและประชาชนส่งกำลังใจชื่นชม เนื่องจากขณะเกิดแผ่นดินไหว นอกจากชีวิตตัวเองแล้ว บุคลากรทางการแพทย์ยังมีผู้ป่วยในการดูแลที่ต้องอพยพอีกด้วย 
 

นพ. ศุภศิษฏ์ จิรวัฒโนทัย เล่านาทีอพยพผู้ป่วยหนีตาย ลงจากตึกชั้น 5 ขณะผ่าตัดนาทีเป็นนาทีตาย ระบุว่า ระหว่างล้างมือจะเข้าผ่าตัด ตึกโยกจนรู้สึกได้ ระหว่างคิดว่าจะเอาไงดีหว่าก็มีเสียงครืนแว่วลงมาจากเพดาน กำลังจะหันไปถามในห้องว่าแผ่นดินไหวหรือเปล่า ภาพที่เห็นคือผนังตึกมันแตกเป็นแนววิ่งขึ้นไปตามกำแพงและมีปูนกระเด็นออกมาคาตา  

 

วินาทีนั้น รีบส่งเสียงบอกในห้อง ที่คนไข้กำลังผ่าตัดดมยาสลบอยู่ว่า ปิดแผลเดี๋ยวนี้ ปลุกคนไข้ด่วนที่สุด เตรียมพร้อมย้ายเลย! น้องจี้ผู้รับบท surgeon ก่อนหน้าบอกว่าขอใส่เดรนก่อน เราเลยตอบไปว่าไม่ต้องใส่เดรนแล้ว ปิดเลยๆ เดี๋ยวนี้

เรื่องเล่านาทีระทึก แผ่นดินไหวขณะทำการผ่าตัด ผนังค่อยๆ แตกร้าว

น้องพยาบาลดมยาและเจ้าหน้าที่ OR (โดยเฉพาะพี่โมทย์ ที่วิ่ง แบก ย้ายคนไข้ ถังออกซิเจนอุตลุต) ทุกคนช่วยเหลือคนไข้สุดความสามารถถึงจะกลัวแทบตายแต่ไม่มีใครทิ้งคนไข้เลย กราบขอบพระคุณจากใจจริง อาจารย์ดมยาท่านเดินมาถามว่าเอาไง เลยรีบพาไปดูรอยร้าวด้วยกัน เท่านั้นแหละรู้เรื่อง...
 

หลังจากปรึกษาว่าจะพาคนไข้ลงจากชั้น 5 อย่างไรดี อุ้มลงคงไม่ไหวต้องใช้ 5-6 คน เพราะอุปกรณ์เยอะมาก คนที่ไม่เกี่ยวเราก็ให้เขาออกไปก่อนหมดแล้ว ได้ยินเสียง จนท.แจ้งว่าลิฟต์อีกตึกนึงที่เตี้ยกว่าลงได้ แต่มันต้องเข็นผ่านทางเชื่อมที่กำลังพังไป ภาวนาว่าเอาก็เอา ไม่งั้นก็ติดตรงนี้ ทุกคนก็ช่วยกันกึ่งๆ วิ่งผ่านไปเลย รอด ไม่พัง เดชะบุญ

คนไข้ยังไม่ตื่นดีใส่ท่อช่วยหายใจพร้อมถังออกซิเจนได้รับการย้ายลงมาพื้นดินอย่างปลอดภัยแม้จะยังผ่าตัดไม่เสร็จดี รวมสิริเวลาน่าจะ 30 กว่านาที ต้องลงลิฟต์ตอนที่ตึกร้าวๆ น่ากลัวที่สุด ภาวนาให้ได้กลับไปหาลูก ไม่กล้าโทรศัพท์หรือถ่ายรูปใดๆ เพราะรีบและกลัวแบตหมด สุดท้ายได้มาถอดท่อหายใจที่ศาลพระภูมิหน้ารพ.พร้อม mobile suction ที่เสกมาจากไหนก็ไม่รู้...ขอบคุณจนท.ฉุกเฉินมากครับ  

 

ตรงทางเชื่อมที่วิ่งผ่านมา มองจากข้างล่างคือปูนหลุดร่วงออกมาเป็นก้อน มือไม้สั่นไปหมด 
คนไข้เริ่มรู้สึกตัวเลยนึกขึ้นได้ว่าต้องแจ้งญาติเขาเลยเอาเบอร์ตัวเองส่ง sms ไปสั้นๆ ว่าคนไข้ออกจากตึกแล้วอยู่ในความดูแลของแพทย์ กำลังรอส่งตัวต่อ

 

น้องจี้ได้ประสานงานส่งตัวและรถ ambulance มารับคนไข้ (ขอบคุณมาก) พอได้รถก็พบคุณลุงสามีของคนไข้ขึ้นมานั่งบนรถไปด้วยกันกับคนไข้พอดีเลย แกมาทันเพราะได้  sms... เราเลยบอกว่าผมเป็นคนส่ง sms ให้เอง แต่ผมไม่ได้ไปส่งนะครับ ให้หมอท่านอื่นติดรถไปแทน (เป็นห่วงลูกต้องรีบกลับแล้ว) ดีใจที่ไม่ลืมแจ้งญาติ ไม่งั้นคุณลุงคุณป้าคงจะหากันไม่เจอเป็นแน่แท้ สุดท้ายก่อนจะได้ส่งคนไข้ไปรพ.อื่น รีบถ่ายภาพตัวเองส่งให้ภรรยา เผื่อว่าเป็นอะไรไปจะได้รู้ว่าอยู่ไหนนะ เสร็จแล้วก็เดินกลับบ้าน จากรพ.เลิดสิน ถึงกล้วยน้ำไท.... ด้วยรองเท้า OR เท้าพองเลย