สรุปบทสัมภาษณ์ "น้องพีช" ปรากฏตัวครั้งแรก ในรายการดัง ยัน ไม่ตั้งใจชน | คมชัดลึก

18 เม.ย. 2568 นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ "พีช" คนขับรถ BMW ปาดและเบียดรถกระบะ พร้อมด้วย นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ "นายกเบี้ยว" อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์กับสื่อครั้งแรก ผ่าน "รายการคนดังนั่งเคลียร์" ช่อง 8 และชี้แจงทุกประเด็นที่เกิดขึ้น

นายสมิทธิพัฒน์ เริ่มต้นด้วยการ "ขอโทษ" บอกว่าวันที่เกิดเหตุ ตนเองตกใจมาก และไม่คิดว่ามันจะร้ายแรง จนถึงขั้น คุณลุงกับคุณป้า อาการสาหัส เลยหนีไปอยู่บ้านเพื่อนก่อน ใครโทรหาก็ไม่รับสายเลย และกลัวคุณพ่อจะรู้เรื่อง แล้วจะด่าเรา

ด้าน นายกเบี้ยว บอกว่า เพิ่งทราบข่าวช่วงเช้า วันที่ 17 เม.ย. 68 หลังเป็นข่าวไปแล้ว มีผู้สื่อข่าวโทรศัพท์มาสอบถาม ตนเองตอบไปว่า ยังไม่ทราบ เพิ่งเห็นข่าว ขอเวลาหน่อย จะไปตามหาน้องพีช แต่ติดต่อลูกไม่ได้ จึงให้ลูกน้องช่วยออกตามหา จนกระทั่งเจอตัวเมื่อช่วงค่ำวานนี้

ก่อนจะไปเจอลูก ผมเห็นคลิปต่างๆ แล้ว แต่ในเมื่อลูกเราผิดพลาด จะไปซ้ำเติมคงไม่ได้ ปล่อยให้เขาสบายใจ พากลับบ้าน แล้วค่อยๆ ถาม ตอนแรกเขายังพูดว่าถูกปาดหน้า แล้วขับรถตามคุณลุง หวังจะให้คุณลุงจอด แล้วจะมาคุย กลายเป็นว่ามือข้างหนึ่งขับรถ อีกข้างหนึ่งกวักมือ จนรถเสียหลัก ไม่มีเจตนาเอาท้ายรถไปตบคุณลุง

นายกเบี้ยว บอกด้วยว่า หลังจากนั้นได้เตือนสติลูก แม้จะโดนปาดหน้าก่อน แต่ต้องแยกกัน เพราะคลิปที่ออกมา เหมือนพีชเจตนา ให้เขาทบทวน จนลูกชายยอมมาขอโทษ และบอกว่า "ป๊า พีชขอโทษ ในฐานะคนเป็นพ่อ เราก็ต้องให้โอกาส" 
 

นายกเบี้ยว ตอบประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย เกี่ยวกับพฤติกรรมการขับรถ ว่า ประวัติน้องพีช ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ เพิ่งมีครั้งนี้ ผมก็ตอบสื่อไปตามความเป็นจริง แต่เมื่อเห็นคลิปแล้ว ตนรู้สึกเห็นใจคุณลุงคุณป้ามาก ที่ผ่านมาตนดูแลทุกข์สุขประชาชนมาทั้งชีวิต เมื่อลูกเราก่อเหตุแบบนี้ มีเหรอที่เราจะไม่ดูแลลุงกับป้า

จากนั้น นายสมิทธิพัฒน์ ได้ไล่เรียงไทม์ไลน์ วันเกิดเหตุ ตามคลิปที่ปรากฏในโลกออนไลน์

คลิปแรก ที่เหมือนเป็นการขับแบบหวาดเสียว ผ่านหน้ารถคันหนึ่งไป นายสมิทธิพัฒน์ บอกว่า ตนเองเก็บของบริเวณเบาะข้างคนขับ เนื่องจากของหล่นตรงที่พักเท้า พอเห็นคลิปแล้ว ยอมรับว่าประมาทจริงๆ และตอนนั้นตนมองไม่เห็นรถคันหลัง ที่ขับตามมา
 

คลิปที่ 2 ไปเจอกับรถกระบะลุงกับป้า บริเวณทางออกด่านเก็บเงิน นายสมิทธิพัฒน์ บอกว่า จุดนี้เป็นตัวต้นเรื่อง และยืนยันว่า ถูกเบียดจนรถ BMW ของตนเอง ครูดกับแบริเออร์ จุดนี้ตนใช้ความเร็วไม่มาก ประมาณ 80-100 กม./ชั่วโมง รถคุณลงใช้ความเร็วมากกว่ารถตนเอง และตอนนั้นตนไม่คิดว่า รถคุณลุงจะมาเลนตน เพราะตนขับตามเส้นประ แต่คุณลงขับตัดเส้นประ เข้ามาหารถตน จนเบียดและไปชนแบริเออร์

จากคลิปที่ 2 นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ซึ่งมาร่วมพูดคุยในรายการ ระบุว่า ดูจากภาพวงจรปิด มองว่าเป็นการ "ประมาทร่วม" ฝ่าย นายสมิทธิพัฒน์ ไม่ยอมชะลอรถ ส่วนฝ่ายคุณลุง เปลี่ยนเลนกะทันหัน เมื่อเกิดความเสียหาย ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายร่วมกัน

นายสมิทธิพัฒน์ ตอบข้อสงสัยของทนายเจมส์ ว่าทำไมถึงไม่ชะลอรถ เพราะตนเองคิดว่าไปทัน ไม่ชนแน่นอน แต่ยืนยันว่า มีการเหยียบเบรก และตีเข้าแบริเออร์

คลิปที่ 3 ขับไล่เบียด จนเกิดอุบัติเหตุ นายสมิทธิพัฒน์ บอกว่า ตนตกใจที่เขาเบียด จนรถไปชนแบริเออร์ ความคิดตอนนั้น อยากให้เขาจอดเพื่อมาคุยกัน ว่าเขาเบียดผมชนแบริเออร์ เลยขับไปดักหน้า เขาเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และเลี้ยวขวา เราก็ดักไม่ให้ไป พอขับมาตีคู่ได้ ตนก็เปิดกระจก แล้วโบกมือให้จอด

พอเขาเปิดกระจก เราถึงรู้แล้วว่าเป็นคนแก่ ซึ่งตอนนั้นขับรถมือเดียว ด้วยความประมาท ส่วนอีกมือโบกให้เขาจอด และมองเขา พอหันหน้ามาอีกที รถผมทิ่มไปอยู่เลนเขา จนเกิดอุบัติเหตุ แต่ว่าผมไม่ได้เจตนา จะให้เกิดเหตุรถชน แค่ต้องการให้หยุดมาคุยกับเราเฉยๆ 

"ถ้าตั้งใจชน พีชคงชนไปตั้งแต่แรก พีชไม่มีเจตนาชน หรือว่าทำร้ายใคร ให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน" 
 

คลิปที่ 4 วงจรปิดหลังเกิดเหตุ BMW ถอยรถกลับมา นายสมิทธิพัฒน์ บอกว่า ตอนนั้นตั้งใจว่าจะลงมาดูอาการ ว่าสาหัสแค่ไหน เพราะชนแรงมาก ตอนลงมาดูผมตกใจมาก เขาบอกลุงซี่โครงหักนะ ป้าเจ็บนะ ผมอยู่จนตำรวจมา และมีพลเมืองดีเข้ามาช่วย จนไปคุยกันที่โรงพัก

ผู้ดำเนินรายการ แย้งว่า แต่ท่าทางของพีช ไม่เหมือนกับลงมาดูอาการคนเจ็บ นายสมิทธิพัฒน์ บอกว่า มีพลเมืองดีมาด่าผม ว่า "มึงชนลุงเหรอๆ ปาดหน้าลุงทำไม" ตนจึงตอบกลับไปว่า ก็เขามาปาดหน้าผม แต่ไม่ยอมจอด รถผมเป็นรอย ผมเลยจะมาคุยกับเขา ส่วนที่เปลี่ยนเสื้อ เพราะไม่อยากให้ "กลุ่มธัญญก้าวหน้า" ได้รับผลกระทบ
 

ผู้ดำเนินรายการ ถามต่อว่า มีประโยคที่พีชพูดว่า "ไปเจอกันที่เทศบาล บ้านผมอยู่ที่นั่น" นายสมิทธิพัฒน์ อธิบายว่า ตนบอกว่าบ้านอยู่เทศบาล ไม่หนีไปไหน ให้เคลียร์ปัญหากันตรงนี้ แต่ยอมรับว่าพูดว่าพ่อเป็นนายกฯ จริง เพราะโมโห  และโกรธที่คุณลุงบอกว่า ยังไม่ชนรถน้องเลย แต่ข้อเท็จจริงเขาเบียด จนผมไปชนแบริเออร์ ส่วนที่คุณป้า บอกว่ายกมือไหว้ ตนไม่เห็น เพราะมัวแต่ขับรถมือเดียว และโบกให้จอดอยู่

นายสมิทธิพัฒน์ บอกอีกว่า ถ้ารู้แต่แรกว่าคู่กรณีเป็นลุงกับป้า คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะตนก็รู้สึกผิด ที่คุณลุงคุณป้าบาดเจ็บ สมมุติเสียชีวิต ตนยิ่งเครียด เพราะแค่ตอนนี้ก็เครียด ขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วย

นายสมิทธิพัฒน์ ตอบประเด็นข่มขู่ลูกสาวคุณลุงคุณป้า ว่า ไม่ได้ข่มขู่ และลงบันทึกประจำวันว่า รถคุณลุงมาเบียด จนผมชนแบริเออร์ พีชบอกให้คุณลุงจอด แต่คุณลุงไม่จอด เลยมีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ต่อมาลูกสาวของคุณลุงประจักษ์ (ผู้บาดเจ็บ) ต่อสายเข้ามาพูดคุยกับนายสมิทธิพัฒน์ ผ่านทางรายการ ระบุว่า ติดใจกรณีไม่เข้ามาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบ ทำไมถึงไม่คุยกันก่อนไปออกรายการ

นายสมิทธิพัฒน์ ได้แสดงความขอโทษ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น บอกว่าตนเองตกใจ เลยหายไป 1 วัน กระทั่งได้มาปรึกษาคุณพ่อ และมีความคิดอยากไปเยี่ยม ส่วนเรื่องค่ารักษา ค่าซ่อมรถ ทางเราจะเป็นคนดูแลทั้งหมด ตอนแรกที่ไม่กล้าไปเยี่ยม เพราะกลัวคุณลุงคุณป้าโกรธ

ถามว่ากังวลใจหรือไม่ กรณีเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบกับการลงสมัคร สท. นายสมิทธิพัฒน์ บอกอีกว่า การที่รถชน กับการดูแลประชาชน มันคนละส่วนกัน ถ้าจะมาวัดว่าผมรถชนแบบนี้ แล้วผมดูแลประชาชนไม่ได้ มันไม่ใช่ครับ

 

 

ขอบคุณภาพและข้อมูล : รายการคนดังนั่งเคลียร์