อาจารย์ "สจล." เชียร์ควบรวม "ทรู-ดีแทค" อิงตามประกาศ "กสทช." ปี 61
อาจารย์วิศวกรรมการบิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เชียร์ควบรวม "ทรู-ดีแทค" ระบุประกาศ กสทช.ปี 61 ไม่ต้องขออนุญาต เพียงรายงานให้ทราบเท่านั้น พร้อมให้ "กสทช." กำหนดเงื่อนไขเพื่อรักษาสภาวะการแข่งขันในตลาดและดูแลไม่ให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์
ผศ.ดร.พัชรินทร์ คำสิงห์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. โพสต์เฟซบุ๊ก สนับสนุนการ "ควบรวมทรู-ดีแทค" กับ 2 เหตุผลที่ควรสนับสนุนในการควบรวม
ข้อความระบุว่า " ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้สรุปผลการตีความในอำนาจของ กสทช. ต่อเรื่องการควบรวมกิจการของ TRUE-DTAC ซึ่งก็ได้คำตอบมาแปลความได้ว่า ดีลนี้ไม่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. เพียงรายงานให้ทราบเท่านั้น โดยให้อิงจากประกาศ กสทช.ปี 2561 พร้อมให้ กสทช. ดำเนินการกำหนดเงื่อนไขเพื่อรักษาสภาวะการแข่งขันในตลาดและดูแลไม่ให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์เอาจริงๆ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าเราควรสนับสนุนการควบรวมนี้เพราะ 2 เหตุผลคือ
1.ยิ่งควบรวมยิ่งช่วยให้ป้องกันการผูกขาด ต้องเข้าใจก่อนว่าธุรกิจโทรคมนาคมเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนสูง ทั้งค่าประมูลคลื่นความถี่ ทั้งการลงทุนด้านโครงข่ายสัญญาณต่าง ๆ ที่ถือเป็นเหตุผลหลักที่จำกัดผู้เล่นในตลาด จึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้ DTAC ไม่ค่อยลงทุนเรื่องโครงสร้างเทคโนโลยี 5G เพิ่มซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นผลประกอบการของ DTAC ก็ยังไปได้ดี เพราะแนวโน้มการใช้ระบบสื่อสารมีมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม แต่ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีมันก้าวไปไวเกินกว่าจะหยุดอยู่กับที่ได้ ในขณะที่ Operator เจ้าอื่นทำการขยายโครงข่าย และหาก DTAC ยังลุยเดี่ยวโดยไม่เร่งมือกับเรื่องเทคโนโลยี ก็เท่ากับเริ่มถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อยๆ การควบรวมกับ TRUE จึงเป็นทางออกที่สมเหตุสมผล การรวมกันจะทำให้ TRUE-DTAC ลดต้นทุนด้านโครงสร้างเครือข่ายที่ใช้ร่วมกัน
รวมทั้ง ผนึกกำลังในการเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ความน่ากลัวที่ไม่ควรมองข้าม คือ หากไม่ส่งเสริมให้เกิดการควบรวม เท่ากับการหยุด หรือชะลอการขยายการลงทุนเพิ่มในโครงสร้างเทคโนโลยี 5G ของผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีอยู่ไม่กี่เจ้าในเมืองไทย ซึ่งอาจจะได้เห็นการผูกขาดตลาดอย่างที่หลายคนกลัวว่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะตลาด 5G จะตกอยู่กับ Operator บางรายเท่านั้น นอกจากนั้นการควบรวม TRUE-DTAC และการ เห็นช่องทางการตลาดที่ชัดเจนก็ย่อมลงเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลต่อ GDP ของประเทศ
ดังนั้น การควบรวมนอกจากจะหมายถึงการส่งเสริมการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ ยังหมายถึงการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในด้านคุณภาพของเครือข่าย และมีผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
2.การควบรวมจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ เมื่อ TRUE ควบรวม DTAC จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากค่าบริการที่ลดลง ถึงแม้จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการจะเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนด้านโครงสร้างเท่าเดิม เพราะเทคโนโลยี 5G สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้จำนวนมหาศาล ทำให้ลูกค้าโดยเฉพาะ DTAC จะได้มีโอกาสใช้บริการ 5G ที่ดีขึ้น และครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
การควบรวมของทั้ง 2 ค่ายยังทำให้ได้คลื่นสัญญาณที่ครบทุกย่านความถี่ทำให้ลูกค้าสามารถได้รับบริการที่ครอบคลุมครบถ้วน และแน่นอนว่าด้วยเงินลงทุนที่มากขึ้นจากทั้ง TRUE และ DTAC ต้องปรับตัวเข้าสู่การเป็น Tech Company เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีขึ้น การสร้างสรรค์ นวัตกรรมและบริการดิจิทัลต่างๆ ย่อมดีขึ้นด้วย ซึ่งประโยชน์ก็จะตกกับผู้บริโภค หลังจากควบรวมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด คือ มาตรการควบคุมของ กสทช. สิ่งที่จะช่วยรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชน
ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. ทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี เราจะเห็นได้จากเศรษฐกิจปัจจุบันที่ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ราคาโปรโมชันมือถือที่ออกมาอย่างหลากหลายกลับมีราคาลดลง
ดังนั้น การเปิดโอกาสให้เกิดการควบรวมของบริษัทโทรคมนาคมไทย ผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างมากมายน่าจะตกกับประเทศชาติและประชาชน
"ถึงจุดนี้คิดว่าเราคงไม่ต้องรอ เพราะทุกวินาทีคือโอกาสดี ๆ ที่เราจะได้รับ" ผศ.ดร.พัชรินทร์ ระบุทิ้งท้าย
สำหรับการ "ควบรวมทรู-ดีแทค" ก่อนหน้านี้ก็ได้มีนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า
กสทช.จะจัดประชุมภายใน 2-4 สัปดาห์ เพื่อตีความความเห็นของกฤษฎีกา โดยเชื่อว่า กสทช.น่าจะรับรองข้อตกลงการควบรวมกิจการ และพิจารณามาตรการเยียวยาผู้บริโภค
โดยคาดว่า กระบวนการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ น่าจะแล้วเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้ในวันที่ 10 ต.ค. และ หาก กสทช.ตีความว่า ตนไม่มีอำนาจในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติการควบรวมฯ นี้ จะถือว่าดีกว่าที่คาดไว้
ส่วนคดีความที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ผู้คัดค้านจะยื่นฟ้องการควบรวมกิจการนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าศาลปกครองกลางจะใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณาคำขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อระงับข้อตกลงควบรวมกิจการดังกล่าว
ในส่วนของการลงทุน นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย มอง "เชิงบวก" ต่อกลุ่มสื่อสาร โดยเชื่อว่ามูลค่าเพิ่มจากเหตุการณ์พิเศษจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยลบจากกำไรที่ชบเซา
สำหรับนักลงทุนระยะยาว คาดว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการควบรวมกิจการในแง่ของการผนึกกำลังด้านรายได้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่า
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น (Trader) โอกาสในการซื้อขายอาจเกิดขึ้น หากราคาหุ้น TRUE และ DTAC แตะระดับหรือเกินราคา VTO ทั้งนี้ การฟ้องร้องใดๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อข้อตกลงนี้
ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/