ข่าวดี "ควายปลัก" ทะเลน้อย มรดกโลกทางการเกษตร แห่งแรกของไทย
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ประกาศให้ ระบบการเลี้ยง "ควายปลัก" พื้นที่ทะเลน้อย การเกษตรแบบดั้งเดิมกว่า 250 ปี เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Advisory Group: SAG) ของ FAO ได้ประกาศให้ การเลี้ยง "ควายปลัก" ในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) แห่งแรกของประเทศไทย
ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและอัตลักษณ์ของพื้นที่ รวมถึงวิถีการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมของเกษตรกรท้องถิ่นที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลากว่า 250 ปี ของ การเลี้ยง "ควายปลัก" และระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง ตลอดจนต้องการยกระดับการปกป้อง อนุรักษ์ และสืบสานวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบาย BCG และ SDGs
จึงได้ดำเนินการยื่นเอกสารข้อเสนอ การเลี้ยง "ควายปลัก" และระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (Global Important Agricultural Heritage Systems หรือ GIAHS) ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อเดือนตุลาคม 2564
โดยการพิจารณามีหลักเกณฑ์ของพื้นที่ GIAHS ทั้งหมด 5 ข้อ คือ
1. ความมั่นคงอาหาร / ชีวิตความเป็นอยู่ดี
2. ความหลากหลายทางชีวภาพเกษตร
3. ระบบความรู้ / ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีมาแต่ดั้งเดิม
4. วัฒนธรรม ระบบคุณค่า และองค์กรทางสังคม
5. ลักษณะภูมิทัศน์ และภูมิทัศน์ทางทะเล
“การขึ้นทะเบียนมรดกทางการเกษตรโลก "ควายปลัก" ในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ ที่ต้องการอนุรักษ์แนวทางการทำการเกษตรที่มีแต่ดั้งเดิมเพื่อส่งต่อทรัพยากรทางการเกษตรให้แก่คนรุ่นถัดไป โดยมีเป้าหมายหลักคือการรักษาระบบนิเวศเชิงเกษตรให้ยั่งยืน ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในชุมชน
นอกจากนี้ GIAHS ยังเน้นให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ GIAHS เกษตรกร ชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียจะได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นการขึ้นทะเบียนในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ และยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว