9 จุดเสี่ยง สัญญาณเตือนครอบครัวร้าว-ใช้ความรุนแรง
9 จุดเสี่ยง สัญญาณเตือนครอบครัวร้าว-ใช้ความรุนแรง : ว่าด้วยเรื่องของการรู้ทันและรับมือเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาความรุนแรงในคู่รัก
"สัญญาณเตือนของความรุนแรงในคู่รัก (Intimate Partner Violence)" ในกลุ่มคนรุ่นใหม่
เป็นสาระสำคัญที่มีโอกาสได้ฟังในงานเปิดตัวโครงการ ‘Abuse is Not Love ของ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (YSL Beauty) ภายใต้ ลอรีอัล ประเทศไทย
เวทีนี้โดยสรุปคือ ว่าด้วยเรื่องของการรู้ทันและรับมือเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาความรุนแรงในคู่รักในประเทศไทย
ข้อมูลที่น่าสนใจจาก ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จะเด็จ เชาวน์วิไล ฉายให้เห็นภาพว่า พบรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัวทางหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน
โดยในปี 2563 มีข่าวฆาตกรรมในคู่รัก มากถึง 323 ข่าว คิดเป็น 54.5% ของข่าวความรุนแรงในครอบครัวทั้งหมด เมื่อวิเคราะห์ข่าวฆาตกรรมในคู่รัก พบอยู่ในช่วงอายุไม่เกิน 30 ปี ถึง 54.1%
สาเหตุหลักมาจากความหึงหวง ขาดสติเนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาเสพติด และความขัดแย้งเรื่องหนี้สิน
ยิ่งไปกว่านั้น จากรายงานความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ปี 2564 พบหญิงไทยถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจไม่ต่ำกว่า 7 คนต่อวัน มีการแจ้งความปีละ 30,000 ราย
ขณะที่ "ผู้แทนอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้" ขยายความว่า ปัญหาความรุนแรงในคู่รัก เป็นหนึ่งในรูปแบบของความรุนแรงที่พบได้ง่ายสุด ทั้งร่างกาย วาจา จิตใจ และเพศ การทารุณกรรมทางการเงิน
เฉพาะในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 คนในครอบครัวต้องอยู่ด้วยกันมากขึ้น พบความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่า 60% เทียบกับช่วงก่อนระบาด
ตอนหนึ่งได้สรุปให้เห็นถึง 9 สัญญาณอันตรายที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงในคู่รัก ที่สามารถนำไปสำรวจตัวเองและครอบครัวได้ คือ
- หมางเมิน ในวันที่พวกเขาโกรธ
- แบล็กเมล ถ้าคุณปฏิเสธที่จะทำบางอย่าง
- ทำให้อับอายขายหน้าจนคุณรู้สึกไม่ดีกับตนเอง
- พยายามปั่นหัว เพื่อบังคับให้คุณทำหรือพูดบางอย่าง
- หึงหวง ในทุกอย่างที่คุณทำ
- ควบคุม ทุกเรื่อง
- รุกราน ตรวจโทรศัพท์หรือติดตามที่อยู่ของคุณ
- ตัดขาด คุณออกจากเพื่อนและครอบครัว
- ข่มขู่ ด้วยการบอกว่าคุณไม่ปกติและปลูกฝังความกลัว
ไฮไลท์ของเวทีนี้ คือ มีการเชิญเคสตัวอย่าง เป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งอายุ 25 ปี เธอมาเล่าว่า ตอนอายุประมาณ 19 ปี เริ่มคบหากับอดีตแฟนได้ประมาณ 1 ปี ช่วงแรก ๆ ฝ่ายชายให้เกียรติ เอาใจใส่อย่างดี พอช่วงหลังเริ่มดุด่า มีปากเสียงรุนแรง หึงหวง กล่าวหาว่าตนจะไปมีแฟนใหม่
ตอนทะเลาะกันมักจะมีญาติฝ่ายชายพูดจาเสียดสีมีอคติ แต่ยอมเพราะรักและอยากสร้างครอบครัวร่วมกัน แม้ถูกทำร้ายร่างกายก็อดทน เมื่อฝ่ายชายขอโทษก็หายโกรธ แต่สุดท้ายเหตุการณ์รุนแรงขึ้นทำร้ายร่างกายรุนแรง ตบตี ชกต่อย ใช้มีดจี้คอ ผลักให้รถชน
ที่รุนแรงสุดคือเตะที่ท้องอย่างแรงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แม้แพทย์แจ้งว่าตนตั้งครรภ์ แต่ฝ่ายชายก็ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ยังทำร้ายร่างกายอย่างรุนแง จึงตัดสินใจเลิกและทำงานหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียวจนถึงปัจจุบัน
ท้ายสุดเธอฝากข้อคิดถึงคู่รักทุกรูปแบบว่า ควรให้เกียรติกัน ไม่ควรกระทำความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม และต้องจับสัญญาณความรุนแรงที่เขาแสดงออกมาให้ดี
เพื่อจะได้หาทางเอาตัวเองออกจากความุรนแรงหรือยุติความสัมพันธ์