ข่าว

"โอไมครอน" BQ.1.1 ระบาดยุโรป อเมริกา หนัก รักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น

"โอไมครอน" BQ.1.1 ระบาดยุโรป อเมริกา หนัก รักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น

03 ธ.ค. 2565

"หมอธีระ" เปิดข้อมูล "โอไมครอน" BQ.1.1 แพร่ระบาดยุโรป อเมริกา หนักขึ้น รวดเร็ว พบผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น แนะ วัคซีนเข็มกระตุ้น จำเป็น ลดอาการรุนแรง และ Long COVID ได้ราว 15 - 40%

สถานการณ์การแพร่ระบาด "โอไมครอน" เมื่อวานทั่วโลกพบติดเพิ่ม 319,999 คน ตายเพิ่ม 689 คน รวมแล้วติดไป 648,938,760 คน เสียชีวิตรวม 6,643,650 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย

 

 

นอกจากนี้พบว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้นชัดเจนวิเคราะห์กันว่าน่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อย BQ.1.1 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

โดย หมอธีระ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก Thira Woratanarat เปิดเผยว่า ที่อเมริกานั้น ล่าสุด BQ.1.1 ครองสัดส่วนสูงสุดเกือบ 32% ซึ่งหากรวม BQ.1 อีก 31% ก็จะพบว่าตระกูล BQ.1.x นั้นกินส่วนแบ่งตลาดการระบาดไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วน XBB ในอเมริกายังมีสัดส่วนน้อย ราว 5.5%

 

 

ในขณะที่ยุโรปนั้น ข้อมูลจาก cov-spectrum.org ระบุว่า BQ.1.1 มีสัดส่วนในฝรั่งเศส 54%, สเปน 45%, UK 30%, เบลเยี่ยม 29%, อิตาลี 27%, เนเธอร์แลนด์ 25% และเดนมาร์ก 25%

 

BQ.1.1 ระบาดยุโรป

 

 

ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาดูว่า การแพร่ระบาดของ BQ.1.1 นั้นจะขยายวงไปยังทวีปอื่นๆ ช้าเร็วเพียงใด และไม่ควรประมาท เนื่องจากตลอดช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมาไทยเราจะเดินตามย่างก้าวการระบาดของประเทศอื่นราว 1.5 - 2.5 เดือน

 

 

ยิ่งหากในปัจจุบัน มีการเดินทางระหว่างประเทศกันมาก ไม่ว่าจะเค้ามาหรือเราไปก็ตามแต่ การกระจายของสายพันธุ์จึงเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว และอาจเปลี่ยนธรรมชาติการระบาดเดิมของแต่ละประเทศให้ก้าวตามกันได้เร็วกว่าเดิม

 

สายพันธุ์โอไมครอน

 

ปัจจุบัน แม้ไทยจะสุ่มตรวจและมีรายงานว่าพบ BA.2.75.x เป็นส่วนใหญ่ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ BQ.1.1 จะเบียดเข้ามาแทนในเวลาอีกไม่นาน หากไม่ป้องกันกันให้ดี และอาจส่งผลให้การป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้นไปอีก

 

 

การฉีด วัคซีนเข็มกระตุ้น นั้นมีความจำเป็น ดังหลักฐานเชิงประจักษ์ในอเมริกาและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกว่าจะช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ และช่วยลดโอกาส Long COVID ได้ราว 15 - 40% อีกด้วย

 

 

แต่เหนืออื่นใด พฤติกรรมการป้องกันตัวระหว่างดำรงชีวิตประจำวัน ทำงาน เรียน ท่องเที่ยว จ่ายตลาด ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่จะทุเลาการระบาดที่ปะทุขึ้นมาในปัจจุบัน

 

 

ไม่กินดื่มใกล้ชิดร่วมกับผู้อื่นนอกบ้าน ไม่แชร์ของกินของใช้กัน เลี่ยงร้านอาหาร สถานบันเทิง ที่แออัดยัดเยียด ระบายอากาศไม่ดี หรือมีพนักงานบริการที่ไม่ป้องกันตัว เลือกไปใช้บริการร้านที่โล่งกว่า และพนักงานดูแลเอาใจใส่ ใส่หน้ากากรัดกุม รักษาระยะห่างจากลูกค้า

 

 

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอระหว่างดำรงชีวิตประจำวัน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มากป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ให้ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด