ข่าว

สรุปช่วยเหลือ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง เข้าวันที่ 7 ไร้แววคนรอด สูญหาย 11 ราย

สรุปช่วยเหลือ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง เข้าวันที่ 7 ไร้แววคนรอด สูญหาย 11 ราย

25 ธ.ค. 2565

สรุปปฏิบัติการค้นหากำลังพล "เรือหลวงสุโขทัย" เข้าวันที่ 7 คนบนฝั่งใจหวิวไร้วี่แววผู้รอดชีวิต ยังสูญหาย 11 ราย พบร่างผู้เสียชีวิตรอยืนยันอัตลักษณ์ 12 ราย

  • สรุปกำลังพลสูญหาย "เรือหลวงสุโขทัย" ตลอดระยะเวลากว่า 7 วัน   

กองทัพเรือ อัปเดตการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง โดยค่ำวานนี้ (24 ธ.ค. 65) ได้มีการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 นาย โดยมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ ทำให้ล่าสุดคงเหลือยอดผู้สูญหาย 15 นาย

 

 

วันนี้กำลังทางเรือและอากาศยานยังคงดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือในพื้นที่ที่รับมอบหมาย อย่างต่อเนื่องทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำ โดยมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ 20 พื้นที่   ในขณะที่พื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ก็ยังคงมีการจัดชุดลาดตระเวนทางเท้าในบริเวณที่คาดว่าจะมีการพบผู้สูญหาย

สำหรับร่างที่พบบริเวณจุดใกล้ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปางซึ่งพบร่างเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาโดยเรือหลวงบางระจันพบขณะไปสำรวจใต้น้ำบริเวณ "เรือหลวงสุโขทัย"  และห่างจากเรือหลวงสุโขทัยประมาณ 300-400เมตร เป็นร่างของ พลทหารวรพงษ  บุญละคร กำลังพลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง(สอ.รฝ.) โดยตามขั้นตอนหลังจากนี้ จะนำร่างกลับไปที่ สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อทำพิธีสดุดีเชิดชูเกียรติ ต่อไป


สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัยล่าสุด ณ วันที่ 25 ธ.ค. 65 เวลา เวลา 14.00 น. ยอดกำลังพล 105 ราย รอดชีวิตจำนวน 76 ราย ยืนยันเสียชีวิต 6 นาย อย่างไรก็ตามเวลาประมาณ 13.50 น.  ทร. ยืนยันว่าพบร่างผู้เสียชีวิตที่พบ 3 ราย มีเครื่องแบบทหารเรือยืนยันว่าเป็นกำลังพลของกองทัพเรือ  2 ราย ส่วนอีก 1 ราย ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลของ ทร.

 

เรือหลวงสุโขทัยอับปาง

ดังนั้นทำให้จำนวนร่างผู้เสียชีวิตรอพิสูจน์อัตลักษณ์ขณะนี้มีจำนวน 12 ราย ทั้งหมดมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพล และอยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลให้ชัดเจนอีกครั้ง ในขณะที่อีก 2 ร่าง ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลและอยู่ในระหว่างของการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล   ดังนั้น ณ วันที่ 25 ธ.ค. 65 (14.42 น.) คงเหลือผู้สูญหาย 11 ราย ผู้เสียชีวิตรอยืนยันตัวตนอีก 12  ราย 

 

  • แผนการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปางในวันที่ 7 

พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 แถลงความคืบหน้าในการค้นหากำลังพลที่ยังสูญหายของ "เรือหลวงสุโขทัยจม" เข้าสู่วันที่ 7 ว่า การปฏิบัติภารกิจยังคงมี เรือหลวงตากสิน ค้นหาพื้นที่ 2,4 เรือหลวงนเรศวร ค้นหาพื้นที่ 5,6 เรือหลวงนราธิวาส ค้นหาพื้นที่ 2 เรือหลวงกระบุรี ค้นหาพื้นที่ 3,4 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.ประทิว จ.ชุมพร 

เรือหลวงสุโขทัยอับปาง

 

และพื้นที่ใกล้ฝั่งมี เรือ ต.114 ค้นหาทั้งพื้นที่ 9A,12 ครอบคลุมพื้นที่ จ.ชุมพร ส่วนเรือ ต.270 ค้นหาพื้นที่ 16,17 พื้นที่จ.ชุมพร และจ.สุราษฎร์ธานี  พร้อมการสำรวจค้นหาจากอากาศยานจากทุกหน่วยงาน ตลอดจนการสำรวจแนวชายฝั่งและคนเดินเท้า ปูพรมค้นหากันอย่างต่อเนื่อง 

 

ปูพรมค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง จะเน้นชายฝั่ง ตั้งแต่บางสะพาน จ.ประจวบ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงพื้นที่ จ.ประจวบ เกาะทะลุ จัดเรือ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ็ทสกี 6 ลำ และโดรนของบริษัทเอกชน เจ้าหน้าที่เดินเท้า สำรวจ และแนวชายฝั่งทั้งหมดได้จัดกำลังพลการเดินเท้า และเรือเล็ก ออกค้นหาจากท่าเรือบางสะพาน -บางสะพานน้อย มีคนเดินเท้าเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมด  ซึ่งการค้นหาที่เน้นเข้มข้นไปตามแนวชายฝั่ง เพราะเป็นไปตามแผนการคำนวนของกระแสคลื่นลมตามโปรแกรมของกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ และจากการพบอุปกรณ์ของเรือและร่างผู้เสียชีวิต

เรือหลวงสุโขทัยอับปาง

 

  • คลื่นลมแรงเป็นอุปสรรคค้นหาร่างกำลังพล "เรือหลวงสุโขทัย" ทำเรือลำอื่นตรากตรำ

 

กองทัพเรือ ระบุว่า สภาพคลื่นลมแรงมาก เรือหลวงบางระจัน เชือกขาดได้ขอยางกันกระแทกมาเสริม เช่นเดียวกับเรือหลวงราวี ไม่สามารถลงไปทำงานได้  และอุปสรรคเพิ่มเติมนอกจากคลื่นลมแรงคือ เรือที่มาทั้งหมดค่อนข้างตรากตำ แต่ก็สู้ตลอด วันนี้เรือหลวงนราธิวาสก็มีปัญหาเรื่องเครื่องจักรจะกลับเข้ามาซ่อมบำรุงก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจต่อ อย่างไรก็ตามคงใช้เรือหลวง 4 ลำหลักเช่นเดิม 

 

ด้านการสำรวจใต้น้ำ สภาพคลื่นลมแรงมาก เรือหลวงบางระจันเชือกขาดได้ขอยางกันกระแทกมาเสริม เช่นเดียวกับเรือหลวงราวี ไม่สามารถลงไปทำงานได้  และอุปสรรคเพิ่มเติมนอกจากคลื่นลมแรงคือ เรือที่มาทั้งหมดค่อนข้างตรากตรำ แต่ก็สู้ตลอด วันนี้เรือหลวงนราธิวาสก็มีปัญหาเรื่องเครื่องจักรจะกลับเข้ามาซ่อมบำรุงก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจต่อ อย่างไรก็ตามคงใช้เรือหลวง 4 ลำหลักเช่นเดิม