"วัคซีนโควิด" mRNA ในยุค โอไมครอน หากฉีดกระตุ้นหลายเข็ม ผลจะเป็นอย่างไร
"หมอดื้อ" เปิดข้อมูล "วัคซีนโควิด" ชนิด mRNA ในยุค โอไมครอน หากฉีดกระตุ้นหลายเข็ม ผลจะเป็นอย่างไร ทั้งประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและอาการ
"หมอดื้อ" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เปิดข้อมูลอธิบายถึง วัคซีน mRNA ผลของการฉีดกระตุ้นมากเข็ม ในยุค โอไมครอน ซึ่งมีการรายงานในวารสาร Science ตั้งแต่ มิถุนายน 2022 และจนกระทั่งถึง ธันวาคม 2022 และตามรายงานจากองค์กรและสถาบันต่างๆ
ซึ่งเป็นการอธิบายว่าเมื่อมีการฉีด "วัคซีนโควิด" mRNA มากขึ้น ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและการกันอาการหนักจะยิ่งลดลงกว่าที่คิดและน่าจะอธิบายถึงว่าทำไมในยุค โอไมครอน จึงมีการติดซ้ำอยู่เรื่อยๆ เมื่อมีการฉีดมากเข็มขึ้น
1. จาก hybrid immune damping วัคซีนเมื่อฉีดไปแม้จะมากเข็มก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ทั้ง แอนติบอดี ระบบ บีและทีเซลล์ จะเป็นต่อสายพันธุ์บรรพบุรุษอู๋ฮ้่น และเมื่อติดเชื้อ โอไมครอน ก็เป็นในลักษณะเช่นเดียวกัน
https://www.science.org/doi/10.1126/science.abq1841...
2. รายงานล่าสุด เมื่อได้รับวัคซีนมากขึ้น แอนตี้บอดี้จะปรับเปลี่ยนเป็น IgG4 ซึ่งทำให้หน้าที่ในการฆ่าไวรัสด้อยลงเมื่อเทียบกับ IgG 1 และ 3 และ อาจอธิบายประสิทธิภาพที่ถูก
จำกัดลง
https://www.science.org/doi/10.1126/sciimmunol.ade2798
แต่ทั้งนี้ ยังเป็นไปได้ว่ายังมีระบบต่อสู้กับไวรัสที่ไม่ผ่านทางเส้นทางดังกล่าว ที่ เป็นระบบนักฆ่า จาก innate immunity ซึ่งแท้จริงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติมากกว่าที่ได้จาก วัคซีน และการที่ต้องมีต้นทุนสุขภาพที่ดี (ทั้งนี้ หมายความว่า ถ้าติดตามธรรมชาติและอาการไม่หนักและไม่เกิด ลองโควิด ก็จะมีการสะสมความดีไว้)
3. ผลของ mRNA ทำให้เกิดการจัดการโปรแกรมใหม่ (reprogram) ของระบบนักฆ่าด่านหน้าของมนุษย์ ต่อเชื้อโรค (innate immunity) และที่ทำหน้าที่ตรวจตราการปะทุของไวรัสอื่นๆที่หมกตัวช่อนอยู่ เช่น ไวรัส ตระกูลเริม รวมทั้งการควบคุมเซลล์ มะเร็ง
ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดอธิบายได้จากกลไกที่ผ่านอนุภาคนาโนควบกับ ไมโครอาร์เอ็นเอ และ G quadruplex ที่ควบคุมการทำงานของยีน และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
อย่างต่อเนื่อง
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9012513/...
นอกจากนั้นมีการเปิดเผยผลข้างเคียงรุนแรงจาก วัคซีน mRNA ในเดือนกันยายน 2022 ในวารสาร vaccine ซึ่งเป็นตัวเลขมากว่าที่เราเคยทราบ โดยเป็นข้อมูลจริงที่ได้ระหว่างมีการดำเนินการศึกษาเฟสที่สามในมนุษย์ แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยมาก่อน
ผู้ศึกษาและวิจัย ได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสอย่างชัดเจนและต้องประเมินประโยชน์ที่จะได้รับ และผลข้างเคียงรุนแรงที่เกิดขึ้น โดย "วัคซีนโควิด" จะไม่สามารถป้องกันการติดได้ดีนักใน โอไมครอน สายย่อยต่างๆ และความสามารถในการลดอาการหนักจะอยู่จริงที่เท่าใด ในขณะที่ สถานการณ์ โควิด ระยะหลังเชื้ออ่อนกำลังลงไปมาก อยู่แล้ว และเมื่อฉีดไปมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะได้ผลกระทบในทางลบจึงต้องชั่งประโยชน์ และผลข้างเคียงด้วย
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36055877/
การฉีด วัคซีน mRNA ยังต้องประเมินความเสี่ยงของหัวใจอักเสบ ถึงแม้ เช้าใจว่าเกิดไม่มาก แต่ถ้าเกิดแล้วความรุนแรงอาจสูง โดยรายงานจากคณะแพทย์เยอรมัน ทางพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียง พิสูจน์จากการตรวจศพ ของผู้ที่ได้รับ วัคซีน mRNA และเสียชีวิตเฉียบพลัน ภายใน 7 วัน จำนวน 25 ราย อายุ 45 - 75 ปี
โดยแสดงความผิดปกติในกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจ มีการอักเสบเป็นหย่อมๆ และทำให้สามารถสรุปได้ว่าทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดปกติ รายงานวันที่ 27 พฤศจิกายน 2022
https://link.springer.com/article/10.1007/s00392-022-02129-5
ทั้งนี้ ตัวเลขจริงอาจจะมากกว่าที่ประเมิน และความรุนแรงของกล้ามเนื่อหัวใจอักเสบอาจจะมากกว่าที่เคยคิดหรือไม่ เนื่องจากการรายงานทั่วโลกเป็น การรายงาน retrospective แบบย้อนหลัง และมักตัดประเด็นเฉียบพลันออก โดยลักษณะของอาการเช่นนี้ เป็น sudden death คือ หัวใจหยุดเต้นกระทันหัน จากกระแสไฟฟ้าผิดปกติ ไม่ใช่ หัวใจวาย ที่พอมีเวลาและมีอาการให้เห็นก่อนผลแทรกซ้อนของวัคซีน จากความเป็นไปได้ จะเพ่งเล็ง ประเด็น ที่ (1) และ (2) โดยอาจมองข้าม (3)
(1) เรื่องเส้นเลือดในหัวใจตัน หรือ
(2) ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป คือหัวใจวาย แต่ในกรณีนี้
(3) เป็นกระจุกของเซลล์อักเสบที่อยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจและเยี่ยหุ้มหัวใจ ที่ไปขัดขวางเส้นใยประสาท นำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้หยุดเต้นกระทันหัน และถ้ากระตุ้น หัวใจ ขึ้นมาได้ จะตามต่อด้วย กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทั่วไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ไหวตามด้วยหัวใจวาย
สำหรับประโยชน์ของวัคซีนนั้นไม่ว่าจะเป็น วัคซีนเข็มกระตุ้น mRNA และวัคซีนรุ่นใหม่ที่ ควบรวมสายพันธุ์ BA.4/5 เข้าไปด้วย ผลปรากฏว่า สายพันธุ์ย่อยใหม่ BQ XBB BX7 ดื้อต่อวัคซีนทั้งหมด รวมทั้งวัคซีนรุ่นใหม่ ป้องกันการติดไม่ได้ แม้ว่าอาจจะลดอาการหนักได้แต่ไม่ดีเท่ากับการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐเองรวมกระทั่งถึงสถาบันในยุโรปและในอังกฤษ
โควิดสายย่อย ใหม่นี้ นอกจากดื้อ วัคซีน ยังดื้อต่อโมโนโคลนอลแอนติบอดี ทุกชนิดแล้ว ที่ใช้ในการรักษาและรวมถึงชนิดที่ใช้ป้องกันที่มีฤทธิ์ยาวนานหลายเดือน (evusheld) ตามข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ และในยุโรปและในอังกฤษ