ไทยเผชิญ "ฝุ่นPM2.5" เกินมาตรฐาน ไปอีก 3 วัน คพ.เข้มมาตรการลดฝุ่น คุมเผา-WFH
คพ.คาดสถานการณ์ "ฝุ่นPM2.5" ไทยเผชิญสภาพอากาศแย่ไปอีก 3 วัน ออกมาตรการเข้มคุมเผาในภาคเหนือ อีสาน ส่วนกรุงเทพฯขอความร่วมมือ WFH ตั้งเป้าลด Hotspot ลง 50%
จากปัญหา "ฝุ่นPM2.5" ในประเทศไทยมีพุ่งสูงมากจนเกินค่ามาตรฐานโดยเฉพาะในวันนี้ (2 ก.พ.) หลายจังหวัดประสบปัญหา หมอกควัน ฝุ่นหนาแน่น เนื่องจากสภาพอากาศปิด ประกอบกับมลภาวะที่อยู่ในอากาศ ดังนั้น กรมควบคุมมลพิษจึงได้มีการแถลงมาตรการการควบคุม และลดปริมาณ "ฝุ่นPM2.5" ในเบาบางลง เนื่องจากคาดว่าตั้งแต่วันที่2-4 ก.พ. 66 ประชาชนจะต้องเผชิญ "ฝุ่นPM2.5" เกินค่ามาตรฐาน
โดย นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่าระหว่างการแถลงข่าว "การยกระดับมาตรการเพื่อลดแหล่งกำเนิด PM2.5 และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย" ว่า สำหรับภาพรวม "ฝุ่นPM2.5" ที่พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ระดับ 3 ในวันนี้ส่วนใหญ่พบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจากสภาพอากาศในระยะนี้เป็นสภาพอากาศปิด ทำให้ฝุ่นเกิดการกดทับ ส่วนในพื้นที่ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือนั้นยังคงพบว่ามีการเผาอยู่เป็นจำนวนมาก โดยระยะนี้ คพ.พบว่ามีจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ประมาณ 1,200 จุด ซึ่ง คพ.จะมีการออกมาตรการเพื่อลดปริมาณ Hotspot ในช่วงนี้ลงประมาณ 50-60% หรือประมาณ 500 กว่าจุด ซึ่งคาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหา "ฝุ่นPM2.5" ได้ค่อนข้างดีในระยะที่สภาพอากาศปิดเช่นนี้
อย่างไรก็ตามจากการคาดว่าตามพยากรณ์อากาศประเทศไทยจะต้องเผชิญกับค่า "ฝุ่นPM2.5" ไปอีกประมาณ 3-4 วัน โดยสภาพอากาศจะเริ่มดีขึ้นในวันที่ 5-9 ก.พ. 66 แต่ในช่วงฤดูแล้งเช่นนี้ค่า "ฝุ่นPM2.5" จะแปรปรวน อย่างต่อเนื่องโดยในพื้นทีกรุงเทพมหานครจะต้องประสบปัญหาดังกล่าวไปจนถึงช่วงมีนาคม ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสานปัญหาจะลากยาวไปจนถึงช่วงเมษายน เพราะยังมีการเผาไร่อย่างต่อเนื่องอยู่
เมื่อปัญหา "ฝุ่นPM2.5" ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด และประชาชนจะต้องเผชิญกับปัญฆาฝุ่นเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องทุกปี การออกมาตรการที่จะช่วยลดมลภาวะในอากาศจึงมีความจำเป็นที่จะไม่เป็นการซ้ำเติมสภาพอากาศในช่วงนี้
นายปิ่นสักก์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นหากมีมาตรการที่สอดคล้องไปกับการพิจารณาสภาพอากาศจะสามารถควบคุมประมาณฝุ่นไม่ให้พุ่งสูงไปอยู่ที่ระดับ 4 หรือระยะมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ คพ.ได้ประสานกับ กทม.อย่างต่อเนื่องโดยขณะนี้ได้เริ่มมีประกาศของความร่วมมือ Work from Home เพื่อลดการใช้รถ และลดปัญหาจราจรซึ่งเป็นต้นตอ ฝุ่นหลัก ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนการดูแลโรงเรียนหรือการสั่งปิดนั้นเป็ฯอำนาจหน้าที่ที่กทม.ดำเนินการได้เลยทันที ซึ่งหากพบว่าค่า"ฝุ่นPM2.5" เกินมาตรฐานไปจนถึงระดับ 4 ก็สามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสังการของกทม.
ในส่วนของต่างหวัดมีการให้มาตรการเฉพาะกิจโดยกระทรวงทรัพยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะตั้งศูนย์ส่วนหน้าเพื่อสั่งการไปยังหน่วยงานท้องถิ่นให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในช่วงเวลาการเผา ซึ่งหากใครที่ต้องการเผาไร่จะต้องแจ้งรายละเอียดเข้ามา และต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะสามารถทำได้
โดยการเผาให้ดำเนินการตามความเหมาะสม พิจารณาสภาพอากาศเป็นหลักโดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันนับจากนี้เพราะเป็นช่วงที่อากาศปิด จากเดิมที่เคยให้เผาเป็นช่วงเวลาเพราะพบว่าการอนุญาตเผาเป็นช่วงเวลานั้นทำให้เกิดการเผาอย่างหนาแน่นเกินไป อย่างไรก็ตามมาตรการขอความร่วมมือด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการลดการเผาส่งผลให้ประเทศไทยมีจำนวนวันที่ "ฝุ่นPM2.5" เกินค่ามาตรฐานลดลง โดยในกรุงเทพฯลดลงกว่า 56% ส่วนภาคเหนือ 17 จังหวัด ลดลง 32%
สำหรับการคาดการ และวิเคราะห์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นั้น เป็นดังนี้
- ภาคเหนือ ในสถานการณ์ปกติ ค่า "ฝุ่นPM2.5" จะอยู่ที่ 25 ไมโครกรัม/ลบม. หากอากาศปิดแต่ไม่ไม่มีเผาจะอยู่ที่ 40 ไมโครกรัม/ลบม. อาการกาศปิดและยังมีการเผาจะอยู่ที่ 100 ไมโครกรัม/ลบม.
- กรุงเทพมหานคร ในสถานการณ์ปกติ ค่า "ฝุ่นPM2.5" จะอยู่ที่ 30 ไมโครกรัม/ลบม. หากอากาศปิดแต่ไม่ไม่มีเผาจะอยู่ที่ 60ไมโครกรัม/ลบม. อาการกาศปิดและยังมีการเผาจะอยู่ที่ มากกว่า 90 ไมโครกรัม/ลบม
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในสถานการณ์ปกติ ค่า "ฝุ่นPM2.5" จะอยู่ที่ 25 ไมโครกรัม/ลบม. หากอากาศปิดแต่ไม่ไม่มีเผาจะอยู่ที่ 40 ไมโครกรัม/ลบม. อาการกาศปิดและยังมีการเผาจะอยู่ที่ 100 ไมโครกรัม/ลบม