'หมอณรงค์' ขอบคุณ เครือข่ายงดเหล้าฯ 15 ปี ลดนักดื่ม 2.3 ล้านคน
‘หมอณรงค์’ ขอบคุณเครือข่ายงดเหล้าฯที่ให้กำลังใจและสนับสนุนการขับเคลื่อนการควบคุม กำกับและรณรงค์การไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ 15 ปี ลดนักดื่ม 2.3 ล้านคน
28 ก.พ. 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจำรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ได้รับมอบหมายจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับหนังสือขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงสาธารณสุข ในการบังคับใช้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุ้มครองสุขภาพประชาชน และลดนักดื่มหน้าใหม่ จากตัวแทนเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมกว่า 30 คน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มีนโยบายสนับสนุนการควบคุมกำกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เป็นกลไกที่ใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน และมีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชนร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ ปรับสโสแกนจาก “เมาไม่ขับ” เป็น ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม
โดยมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากการดื่มสุรา ทั้งการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การเกิดโรคที่มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ตับแข็ง รวมถึงลดพฤติกรรมความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมกำกับการบริโรคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อย่างเข้มข้นมากขึ้น
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเยาวชน ทำให้กว่า 15 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2551-2564 ประเทศไทยสามารถลดจำนวนนักดื่มลงได้ถึง 2.3 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564)
และในวันนี้(28 ก.พ.2566) ยังมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 คือ ห้ามใช้ตราสัญลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการโฆษณาสินค้าอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับหลักวิธีปฏิบัติในมาตรา 32 โดยจะมีการเพิ่มเติมสาระสำคัญ และทบทวน ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาตามกระบวนการต่อไป