เฝ้าระวังสถานการณ์วิกฤต 'ฝุ่นละออง' PM2.5 4-10 มี.ค.นี้ สูงเกินต้าน
ทส.เฝ้าระวังสถานการณ์วิกฤต 'ฝุ่นละออง' ทางภาคเหนือ แจ้งเตือน PM2.5 ระหว่างวันที่ 4-10 มี.ค.นี้ ยังสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
วันที่ 3 มีนาคม 2566 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) นางสาวศิวพร รังสิยานนท์ ศกพ. ได้แจ้งเตือนถึงสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันกับ "ฝุ่นละออง" ทางภาคเหนือ เนื่องด้วยมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จากข้อมูลติดตามตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ในภาพรวมของภาคเหนือส่วนใหญ่คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ผลกระทบต่อสุขภาพ
ค่าเฉลี่ยของปริมาณ "ฝุ่นละออง" ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) สูงเกินมาตรฐาน ทั้งนี้ ศกพ. คาดว่า "ฝุ่นละออง" ในพื้นที่ภาคเหนือ PM2.5 ยังมีแนวโน้มฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน ระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคม 2566
ศกพ.ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าปี 2566 สถานการณ์จะมีความรุนแรง เนื่องด้วยสภาพอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของ "ฝุ่นละออง" ทำให้รัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือตั้งแต่ปี 2565 โดยทุกหน่วยงาน ดำเนินการอย่างเข้มข้น บูรณาการทุกภาคส่วนในหลายมิติ ประกอบด้วย
1. การดำเนินงานด้านนโยบาย ใช้ พรบ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี พ.ศ. 2550 เป็นกลไกหลักกำกับดูแลโดยกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) สั่งการไปยังทุกหน่วยงานในจังหวัด ไปยังอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน
2. การบูรณาการการทำงานผ่านกลไกที่หลากหลาย ได้แก่ การบูรณาการในระดับภาค การบูรณาการภายใน ทส. และการบูรณาการในระดับจังหวัด โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทั้ง 3 ระดับ และประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
3.การสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะชุมชน ในการดูแลรักษาป่าและเฝ้าระวังไฟ
4.การดูแลสุขภาพประชาชน โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น และจัดตั้งคลีนิคมลพิษ
โดยยังใช้แนวทางในการจัดการพื้นที่ป่าจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม " เกาะติด 3 ปฏิบัติ"
3 เกาะติด
- เกาะติดข้อมูลข่าวสาร
- เกาะติดพื้นที่
- เกาะติดประชาชน
3 ปฏิบัติ
- ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างเต็มความสามารถ
- ปฏิบัติร่วมกับหน่วยข้าราชการอื่น
- ปฏิบัติร่วมกับภาคีเครือข่ายและประชาชน
อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติจริง อาจพบอุปสรรคและปัญหา จึงต้องพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เหมาะสมอยู่เสมอ
ทส. ให้ความสำคัญกับปัญหา และยกระดับการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง โดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส) ได้ติดตามสถานการณ์ และสั่งการหน่วยงานภายใต้สังกัด ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ให้ยกระดับการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการให้เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา เพิ่มประสิทธิภาพการในการดำเนินงานพื้นที่ป่า
ดำเนินงานในพื้นที่ป่า ซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และกรมป่าไม้ (ปม.) ควบคุมพื้นที่เสี่ยง โดยการปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติ (ยกเว้นส่วนให้บริการ)ควบคุมการใช้ประโยชน์ในป่า เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเพื่อเฝ้าระวังและดับไฟ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อากาศยานไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติการได้ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ดำเนินงานใกล้ชิดประชาชน
พร้อมทั้งบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ประสานงานการดำเนินงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานสถานการณ์ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา และยังได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน (ส่วนหน้า ภาคเหนือ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับจังหวัด
นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้กำกับดูแลควบคุมการเผาอ้อย ประสานการจัดทำฝนหลวง และอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษ "ฝุ่นละออง" ซึ่งได้ยกระดับมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ในระดับ 4 ซึ่งต้องพิจารณาโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
แม้ภาครัฐได้เฝ้าระวังสถานการณ์และยกระดับการดำเนินงานมาโดยตลอด แต่สถานการณ์ก็ยังมีความรุนแรง เนื่องจากยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบจุดไฟเผาป่า ศกพ. จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ให้ช่วยเฝ้าระวังสถานการณ์ หากพบเห็นไฟในพื้นที่ใด สามารถแจ้ง สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชม.
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตสีแดง ขอให้ปฏิบัติตน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ ประชาชนทั่วไปควรลดหรืองดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายนอกอาคาร เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกอาคารทุกครั้ง สำหรับกลุ่มเสี่ยงให้งดออกนอกอาคาร ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน
นอกจากนี้ ประชาชนควรเฝ้าระวังตนเองด้วยการประเมินอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ “4HealthPM2.5” หรือ “คลินิกมลพิษออนไลน์” และหากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หายใจมีเสียงหวีด ให้รีบพบแพทย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศจากแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ Air4Thai FB: “ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ” (ศกพ.)