ข่าว

ตรวจ "โรคลมชัก" ในเด็ก ด้วยรหัสพันธุกรรม ES เผยผลวิจัยรวดเร็ว แม่นยำ ประหยัด

ตรวจ "โรคลมชัก" ในเด็ก ด้วยรหัสพันธุกรรม ES เผยผลวิจัยรวดเร็ว แม่นยำ ประหยัด

12 มี.ค. 2566

ตรวจหา "โรคลมชัก" ในเด็ก ด้วยรหัสพันธุกรรม ES สธ. เปิดผลวิจัยของ HITAP พบแม่นยำ รวดเร็ว ประหยัดงบ 18-36 ล้านบาท แนะบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลวิจัยของ HITAP พบการตรวจรหัสพันธุกรรม ES ในผู้ป่วยเด็ก "โรคลมชัก" ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง รวดเร็ว มากกว่าวิธีมาตรฐานที่ตรวจให้แน่ชัดได้ไม่ถึง 50% และมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ประหยัดงบประมาณหลักประกันสุขภาพฯ ใน 5 ปีข้างหน้า 18-36 ล้านบาท ควรบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพฯ 

 

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า "โรคลมชัก" ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา สามารถพบได้ถึง 1 ใน 3 ของผู้ป่วย "โรคลมชัก" ทั้งหมด สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีมาตรฐานที่กำหนดไว้ในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เช่น การตรวจภาพรังสีวินิจฉัย การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เป็นต้น 

ช่วยให้วินิจฉัยโรค "โรคลมชัก" ได้แน่ชัดไม่ถึง 50% ส่งผลให้แพทย์วินิจฉัยได้ยากและผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องล่าช้า ทำให้มีผลต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของเด็ก และครอบครัวยังเกิดความกังวลต่อการมีบุตรคนถัดไป ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการนำการตรวจรหัสพันธุกรรม Exome Sequencing (ES) คือการตรวจยีนทั้งหมดในคราวเดียว มาใช้ในการวินิจฉัยโรคที่มีสาเหตุทางพันธุกรรม ดังนั้น โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) จึงทำการศึกษาความคุ้มค่าของการตรวจรหัสพันธุกรรม ES ในเด็กที่เป็น โรคลมชักรุนแรง โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ระหว่างการตรวจรหัสพันธุกรรม ES หากได้รับการบรรจุในสิทธิประโยชน์ กับการวินิจฉัยด้วยวิธีมาตรฐาน แล้วประเมินผลกระทบด้านงบประมาณในระยะเวลา 5 ปี และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์จากการใช้แบบจำลอง Decision tree และ Markov เพื่อประเมินต้นทุนและผลลัพธ์ในรูปของปีสุขภาวะ 

นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ผลจากการวิจัยพบว่า การตรวจรหัสพันธุกรรม ES ในผู้ป่วยเด็ก "โรคลมชัก" ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา มีเกณฑ์ความคุ้มค่า 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ และมีต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม 36,252 บาทต่อปีสุขภาวะ ช่วยประหยัดภาระงบประมาณของระบบหลักประกันสุขภาพฯ ประมาณ 18-36 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า จากจำนวนผู้ป่วย 285-569 รายต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการตรวจพบสาเหตุของโรคและให้การรักษาที่เหมาะสม ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วย ดังนั้น การตรวจรหัสพันธุกรรม ES ในผู้ป่วยเด็ก "โรคลมชัก"  ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา จึงเป็นวิธีที่มีความคุ้มค่า เพราะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง รวดเร็วมากขึ้น ลดการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ไม่จำเป็นและให้การรักษาที่เหมาะสมกับโรค ซึ่งอาจนำไปสู่การรักษาที่หายขาดในผู้ป่วยบางกลุ่ม รวมถึงมีการให้คำปรึกษาทางเวชพันธุศาสตร์ซึ่งจะช่วยในการวางแผนครอบครัวและการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดในครรภ์ถัดไปได้ 

 

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ


"ที่ผ่านมาระบบหลักประกันสุขภาพในประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ยังไม่ชดเชยค่าใช้จ่ายในการตรวจทางพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยี ES ทำให้ผู้ป่วยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองหรือเข้าไม่ถึงบริการ ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า บริการดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรได้รับการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย" นพ.รุ่งเรืองกล่าว