สุดว้าวอ่าวไทย พบ 'โลมาและวาฬ' ชายฝั่งชลบุรี-สุราษฎร์(ภาพชุด)
เปิดภาพน่ารัก พบ "โลมาและวาฬ" สัตว์ทะเลหายาก ที่ชายฝั่งทะเลชลบุรี และสุราษฎร์ธานี กรมทะเลและชายฝั่ง วอนประชาชนร่วมอนุรักษ์ ลดภัยคุกคาม
ข่าวดีสำหรับอ่าวไทย เมื่อกรมทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภาพสุดน่ารักของ "โลมาและวาฬ" สัตว์ทะเลหายาก ซึ่งพบบริเวณชายฝั่งทะเลชลบุรี และสุราษฎร์ธานี
เรื่องนี้นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 ถึงการสำรวจสัตว์ทะเลหายากในห้วงวันที่ 13-17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาว่า
ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก ได้สำรวจประเมินสถานภาพและตรวจสุขภาพสัตว์ทะเลหายาก บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชลบุรี
โดยวิธีการสำรวจทางเรือ รูปแบบ Line transect ระยะทางประมาณ 101 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 260 ตารางกิโลเมตร เพื่อประเมินชนิด จำนวนประชากร ภัยคุกคาม และตรวจสุขภาพ
พบโลมาหัวบาตรหลังเรียบ จำนวน 1 ตัว ห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร และวาฬบรูด้า จำนวน 2 ตัว ห่างจากฝั่งประมาณ 5.5 กิโลเมตร มีพฤติกรรมว่ายน้ำหาอาหาร หากินตามปกติ
พบที่ระดับความลึกของน้ำ 11.2 เมตร คุณภาพน้ำความเป็นกรด - ด่าง เท่ากับ 7.9 อุณหภูมิน้ำ 27.8 องศาเซลเซียส ปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำ 6.52 มิลลิกรัมต่อลิตร ความเค็ม 30.0 พีพีที
ส่วนพื้นที่ชายฝั่งอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร ได้สำรวจประชากรและตรวจสุขภาพสัตว์ทะเลหายากโดยวิธี Photo ID พบโลมาอิรวดี จำนวน 1 ฝูง จากการประเมินด้วยสายตา มีจำนวนประชากรประมาณ 10 ตัว พบอยู่บริเวณใกล้เกาะริกันและท่าเรือดอนสัก
พฤติกรรมว่ายน้ำเดินทาง และพบโลมาหลังโหนก จากการประเมินด้วยภาพถ่าย Photo ID สามารถจำแนกได้ประมาณ 14 ตัว อยู่รวมกันเป็นฝูง 2-7 ตัว จำนวน 3 ฝูง พบอยู่บริเวณชายฝั่งท่าเรือซีทราน ท่าเรือราชา ท่าเรือดอนสัก และเกาะริกัน
พฤติกรรมภายในฝูงมีการหาอาหาร เลี้ยงดูลูก เล่นหยอกล้อ จากการตรวจสุขภาพโลมาหลังโหนก พบว่าสุขภาพของโลมาอยู่ในเกณฑ์สมบูรณ์ อัตราการหายใจอยู่ระหว่าง 5 - 10 ครั้ง/ 5 นาที
โดยลูกแรกเกิดจะมีอัตราการหายใจเร็วกว่าตัวเต็มวัย แต่พบบาดแผลที่เกิดจากฟันของโลมาตัวอื่นในฝูง โดยเฉพาะลูกแรกเกิดที่พบแผลสดบริเวณช่องท้อง ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการพยุงเพื่อขึ้นหายใจจากโลมาตัวอื่น
นอกจากนี้ ในระหว่างการสำรวจยังพบขยะ โดยเฉพาะบริเวณปากคลองดอนสัก ซึ่งอาจส่งผลรบกวนโลมาได้ อีกทั้งยังพบการวางอวนอยู่ใกล้แนวชายฝั่งบริเวณที่โลมาหากิน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเครื่องมือประมง
"ขอให้ชาวประมง ชุมชนชายฝั่ง พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ช่วยกันดูแลอนุรักษ์ ไม่ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บของสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ เพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเลหายากในท้องทะเลไทย อันจะนำไปสู่ความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยั่งยืนต่อไป “นายอภิชัยกล่าว”
ขอบคุณที่มาภาพและข้อมูล : กรมทะเลและชายฝั่ง