ส่องโมเดลต่างประเทศไม่ 'เกณฑ์ทหาร' แล้วผู้ชายต้องทำอะไรทดแทน
ส่องโมเดลต่างประเทศไม่มี 'เกณฑ์ทหาร' แบบบังคับ แล้วผู้ชายต้องทำหน้าที่อะไรทดแทน บางประเทศใช้วิธีส่งเสริมด้านกีฬา และให้เงินเดือนดึงดูดใจ
ถึงฤดูกาลเกณฑ์ทหารอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวของสังคม และพรรคการเมืองถึงความจำเป็นในการ "เกณฑ์ทหาร" ของประเทศไทย ซึ่งหลายพรรคการเมืองเริ่มเคลื่อนนโยบาย และมีทั้งฝั่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่าง ๆ ที่ออกมา
แต่หากพิจารณาถึงความจำเป็นในกับการ "เกณฑ์ทหาร" ในบ้านเรานั้นอาจจะยังสร้างความกังขา และสร้างความหนักใจให้แก่ชายไทยไม่น้อย หลายคนอยากให้ยกเลิกการจับใบดำ-ใบแดง เพื่อลดงบประมาณและให้กองทัพไทยนำงบที่ต้องมาอุดหนุนทหารกองเกินไปเพิ่มเติมสวัสดิการให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการอยากเป็นทหารจริงๆ ได้เข้าไปทำงาน เหมือนกับที่หลายประเทศเริ่มมีการปรับรูปแบบการ "เกณฑ์ทหาร" และใช้แบบสมัครใจ หรือให้ทำงานสังคมทดแทน
อย่างไรก็ตามยังมีประมาณ 26 ประเทศที่บังคับให้รับราชการทหาร โดยวิธีการส่วนใหญ่จะเป็นการกำหนดให้เข้าเป็นทหารภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด โดยในแต่ละประเทศจังมีการกำหนดระยะเวลาที่เข้าเป็นทหารแตกต่างกันไป
- ตัวอย่างประเทศที่มีระบบการบังคับ "เกณฑ์ทหาร"
เกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีการบังคับ "เกณฑ์ทหาร" ทั้งชายและหญิง แต่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่แตกตางกัน โดยผู้ชายจะต้องเกณฑ์ทหารนานกว่า 10 ปี ส่วนผู้หญิงจะต้องเข้ารับทหารตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายหรือช่วงอายุประมาณ 18 ปี ไปจนถึงอายุ 23 ปี ทั้งนี้จากกฎระเบียบดังกล่าวส่งผลให้กองทัพเกาหลีเหนือมีขาดใหญ่ โดยพบว่ากำลังผลมากถึง 6.4 ล้านนาย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นทหารประจำการ 9.4 แสนล้านคน และเป็นทหารกำลังสำรอง 5.5 ล้านนาย เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
อิสราเอล
อิสราเอล ถือว่าเป็นประเทศมีระบบการ "เกณฑ์ทหาร" มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยการเข้าร่วมในกองทัพเป็นภาคบังคับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในอดีตกองทัพอิสราเอลจะมีการจำกัดหน้าที่สำหรับทหารหญิงเอาไว้ เนื่องจากเห็นว่าผู้หญิงยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้ทหารหญิง สามาถปฏิบัติหน้าที่ และรับตำแหน่งได้ทั้งหมด ทั้งนี้การรับราชการเป็นทหารของอิสราเอลจะยกเว้นในสตรีมีครรภ์ พยาบาล รวมถึงการยกเว้นในบางกรณีที่มีความเกี่ยวข้องด้านศาสนา การบังคับให้พลเมืองทุกคนรับราชการส่งผลให้อิสราเอลเป็นประเทศที่มีการใช้งบประมาณด้านการทหารต่อหัวมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามโมเดลการ "เกณฑ์ทหาร" ของอิสราเอล เป็นการ "เกณฑ์ทหาร" แบบขับเคลื่อนเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของประเทศ
นอร์เวย์
สำหรับประเทศนอร์เวย์มีเรื่องราวการรับ ทหารเกณฑ์ ที่น่าสนใจ โดยผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 19-44 ปี จะต้องสมัครเป็นทหาร แต่เนื่องด้วยนอร์เวย์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ในปี 2559 รัฐสภานอร์เวย์จึงผ่านร่างกฎหมาย ที่อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถเข้ารับการฝึกทหารได้ด้วย โดยผู้หญิงที่เข้ารับการคัดเลือกกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องมีอายุตั้งแต่ 19-44 ปี จึงจะสามารถลงทะเบียน
แม้ว่ายังมีหลายประเทศที่ให้ความสำคัญกับการ "เกณฑ์ทหาร" อยู่ แต่ในบางประเภทก็ได้ลดการเกณฑ์ทหารลงไป โดยเปิดรับแบบสมัครใจ และผู้ชายสามารถเลือกทำงานบริการสังคมทดแทนการเป็นทหาร รวมไปถึงสวัสดิการของอาชีพทหารที่น่าสนใจ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่เหล่าทหารได้รับสวัสดิการ ค่าตอบ เงินเดือนอย่างเหมาะสม โดยประเทศที่ยกเลิกการเกณทหารไปแล้ว และมีการใช้ระบบสัมครใจแทน คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย ไต้หวัน แต่ละประเทศมีโมเดลการรับสมัครตามความสมัครใจ สวัสดิการ หรือทางเลือกอื่นให้กับผู้ชายไว้อย่างน่าสนใจ
เริ่มต้นที่ ไต้หวัน
โดยรัฐบาลไต้หวั่นเริ่มมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการ "เกณฑ์ทหาร" แม้ว่าประเทศจะยังอยู่บนความขัดแย้งระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไต้หวันมีทั้งระบบการ "เกณฑ์ทหาร" และให้เลือกทำงานบริการสังคมทดแทน ระเบียบดังกล่าวเริ่มปรับเปลี่ยนตั้งแต่ปี 2013 จากเดิมที่ผู้ชายจะต้องถูกเกณฑืเข้ากองทัพเป็นระยะเวลนานกว่า 2 ปี โดยในปี 2014 รัฐบาลได้มีการปรับเกณฑ์การเข้าคัดเลือกทหารเหลือเพียง 4 เดือน และสามารถกลับบ้านได้ทุกเสาร์-อาทิตย์ และเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาไต้หวันมีการส่งเสริมกีฬา eSports โดยผู้ที่เป็นนักกีฬาสามารถแข่งขัน eSports ทดแทนการเกณฑ์ทหารได้
สหรัฐอเมริกา
เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อาชีพทหารได้รับความนิยมอย่างมาก โดยอเมริกามีการใช้รูปแบบการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ พร้อมกับมีสวัสดิการอย่างดีที่สามารถดึงดูดให้พลเมืองสมัครใจอยากเป็นทหาร โดยเฉพาะเงินเดือนทหารสหรัฐอเมริกาที่มีเงินเดือนเฉลี่ยเริ่มตั้นตั้งแต่ 1,554 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เดือน ราว 47,000 บาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,681 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เดือน ราว 50,000 บาท
ออสเตรีย
ให้รูปแบบการเกณฑ์ทหาร 2 แบบ คือการเลือกบริการสังคม และเข้าร่วมโครงทดแทนการ "เกณฑ์ทหาร" โดยหากมีอายุครบ 18 ปี จะต้องเข้าในกองทัพ 6 เดือน และสามารถเลือกทำงานบริการอีก 9 เดือน เช่น การทำงานที่โรงเรียนอนุบาล ดูแลผู้พิการ รวมไปถึงการสร้างสันติภาพในพื้นที่คัดแย้ง
อ้างอิง: worldatlas