ข่าว

สิ้น 'อ.สมเกียรติ โอสถสภา' อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สิ้น 'อ.สมเกียรติ โอสถสภา' อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

10 เม.ย. 2566

'อ.สมเกียรติ โอสถสภา' อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ฝากโพสต้สุดท้าย อย่าชักศึกเข้าบ้าน เพียงเพื่อจะเอาชนะกันทางการเมือง

10 เม.ย.2566  มีรายงานว่าว่า รศ.ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันศุกร์ ที่ 7 เม.ย. 2566 ทีผ่านมา และมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ที่วัดชลประทานรังสฤษฎิ พระอารามหลวง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และมีพิธีประชุมเพลิง ในเวลา 14.00 น. วันนี้ 

อ.สมเกียรติ โอสถสภา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2566

 

 

โดยที่หน้าเฟซบุ๊ก สมเกียรติ โอสถสภา ได้มีการโพสต์ข้อความสุดท้าย โดย อ.สมเกียรติ ได้ฝากว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะ และกำลังเปลี่ยนไปอีกครั้ง ขอให้ตีโจทย์กันดีๆ อย่าชักศึกเข้าบ้านเพียงเพื่อจะเอาชนะกันทางการเมือง 

 

ถ้าลูกชายผมโพสต์ข้อความนี้ลงเฟสให้ ผมก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วนะ

ผมโตมาในยุคที่ประเทศไทยจนมาก ล้าหลังหลายๆประเทศในย่านนี้ แต่ในวันที่ผมจากไป ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทันสมัยและลงตัวที่สุดในหลายๆด้าน มีแต่คนอยากมาประเทศไทย 

ในช่วงชีวิตของผม เราผ่านพ้นวิกฤติสงคราม เศรษฐกิจ และการเมืองมาหลายครั้ง เราเอาตัวรอดมาได้จากทุกสถานการณ์ของโลก

เฟสนี้ผมสร้างขึ้นมาเพื่อยับยั้งภัยสงครามกลางเมืองเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นถ้าเราเอาตัวไม่รอด ประเทศไทยก็ไม่ต่างอะไรกับยูเครนตอนนี้

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราก็ผ่านพ้นจากการล้มล้างวัฒนธรรมมาได้ ตอนนี้ก็เห็นกันแล้ว ว่าประเทศที่พลาด ทำลายวัฒนธรรมตัวเองไป โหยหาตัวตนแค่ไหน

โลกเปลี่ยนไปเยอะ และกำลังจะเปลี่ยนอีกครั้งใหญ่ ตีโจทย์กันดีๆนะ อย่าชักศึกเข้าบ้านเพียงเพื่อจะเอาชนะกันทางการเมือง ช่วยกันดูให้สงครามไม่มาลงย่านนี้ แถวนี้เราสนใจกันแต่หาเงินหาทองแล้ว 
ส่วนเฟสนี้จะเปิดทิ้งไว้ ลูกชายผมคงมาเขียนเพิ่มให้บ้าง เค้าช่วยผมทำเฟสนี้มาแต่แรก 

ขอให้ทุกคนอายุยืน ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันมานาน ว่าจะอยู่ให้นานกว่านี้อีกหน่อย แต่เมื่อถึงเวลาไปก็ต้องไป ชีวิตมันก็แค่นี้

 

 

 

โพสต์ ข้อความจาก อ.สมเกียรติ ก่อนเสียชีวิต

 

 

 

รศ.ดร.สมเกียรติ เข้าสู่แวดวงการเมือง 

 


 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก สมเกียรติ โอสถสภา