'เสาไฟสับปะรด' ประจวบคีรีขันธ์ ต้นละ 8 หมื่น โผล่ 'เชียงกง' งงทั้งบาง
รองผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ จี้หน่วยงานรับผิดชอบ 'เสาไฟสับปะรด' ต้นละ 8 หมื่น ถูกแอบไปขาย ร้านรับซื้อของเก่า 'เชียงกง' พร้อมเร่งหารถบรรทุกต้องสงสัย ล่าตัวคนผิด
“เสาไฟสับปะรด” ที่ตั้งอยู่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ถูกพบในร้านรับซื้อของเก่า หรือ “เชียงกง” บริเวณถนนสุขสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2566 หลังเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้ม บรรทุกซากเสาไฟเหล็กเคลือบ ไปขายที่เชียงกง ทำให้หลายหน่วยงานของภาครัฐ ได้เข้าไปตรวจสอบ เพื่อหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ที่นำ “เสาไฟ” ไปขายในร้านรับซื้อของเก่า
ล่าสุด รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึงกับประกาศว่า “เสาไฟสับปะรด” ต้นละ 8 หมื่นบาท ถูกแอบนำไปขาย “เชียงกง” จะต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบ กับทรัพย์สินของทางราชการ พร้อมเร่งหารถบรรทุกต้องสงสัย เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด
นายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า “เสาไฟสับปะรด” ที่มีภาพปรากฎ ว่าถูกนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า หรือ เชียงกง จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ โดยจะต้องพิสูจน์ทราบว่า มีการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้อย่างไร โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลมายืนยันว่า เสาไฟเป็นทรัพย์สินของหน่วยงานใด รวมทั้งรถของทางราชการ ที่ใช้บรรทุกเสาไฟ ว่าเป็นของหน่วยงานใดด้วย
“เรื่องนี้ จะต้องมีหน่วยงานที่ต้องแสดงความรับผิดชอบกับทรัพย์สินของทางราชการอย่างแน่นอน ในส่วนเสาไฟชำรุด ก็จะต้องมีแนวทางบำรุงรักษาให้สวยงาม สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากนั้น จะต้องกำชับให้ดูแลทรัพย์สินของทางราชการ ให้มีความคุ้มค่า ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน ที่จะต้องมีการฟื้นฟู หรือส่งมอบโครงการให้กับทางเทศบาล และ อบต. ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565 ดังนั้น ปัจจุบันจะต้องเรียกมาดูว่า หน่วยงานใด ได้ดำเนินการตามนโยบายไว้อย่างไร” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ต้องการให้ร้านรับซื้อของเก่า เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิด เพื่อนำไปเป็นหลักฐาน เพื่อชี้ชัดว่าเป็นบุคคลใด หรือรถกระเช้าของหน่วยงานใด ที่แอบนำเสาไฟไปขาย เพื่อที่จะได้หาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วขึ้น
สำหรับเสาไฟสับปะรดที่ชำรุดเสียหาย ที่ผ่านมาเทศบาล ได้เก็บไปคืนให้กับเจ้าของงบประมาณ และบางส่วนก็เก็บไว้ในบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาล ยืนยันว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่ง ยังไม่เคยพบเห็นเอกสาร ในการรับมอบเสาไฟจากหน่วยงาน ตามที่มีการกล่าวอ้าง และโครงการนี้มีมานานกว่า 10 ปี มีการชำรุดเสียหายอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง
ด้าน จ.อ.เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า มีเสาไฟสับปะรด จำนวน 3 ต้น กองไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสียด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเทศบาล มี 1 ต้น ลักษณะคล้ายกับที่พบในร้านรับซื้อของเก่า สำหรับ 2 ต้นที่กองอยู่บริเวณใกล้กัน มีสภาพเก่าและมีวัชพืชปกคลุม ดังนั้น หลังจากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยรับมอบทรัพย์สินโคมไฟสับปะรด เอาไว้ดูแล ตามอำนาจหน้าที่ ผู้บริหารเทศบาลต้องรีบไปตรวจสอบ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของผู้สื่อข่าว พบว่า เสาไฟสับปะรดที่จัดซื้อ โดยกรมการท่องเที่ยว 75 ต้น ตั้งแต่สะพานสราญวิถี ไปจนถึงรั้วกำแพงกองบิน 5 ปัจจุบันมี 68 ต้น ถูกถอดออกไป 7 ต้น นำไปกองเก็บเป็นซาก ที่สำนักงานท่องเที่ยว และกีฬา จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 3 ต้น อีก 4 ต้น ไม่พบว่า ถูกเก็บรักษาไว้ที่ใด
สำหรับเสาไฟสับปะรด ตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงสะพานบางนางรม สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ้างว่า ได้ส่งมอบให้กับเทศบาลไปแล้ว และอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของทางเทศบาล มีจำนวน 60 ต้น พบว่าชำรุด ไม่สามารถใช้การได้เป็นส่วนใหญ่ มีเสาไฟที่ถูกถอดออกไปจากริมเขื่อนอ่าวประจวบฯ จำนวน 24 ต้น พบกองเป็นซากในบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล 3 ต้น ที่เหลือไม่ทราบถูกเก็บไว้ที่ใด
ทั้งนี้ “เสาไฟสับปะรด” มีราคารวมค่าติดตั้งต้นละ 80,000- 100,000 บาท มีมากกว่า 300 ต้น ที่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ไปถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์