พ่อแทบช็อก ลูก ป.3 ขวัญผวา 'ครู' ล็อกกุญแจขังไว้ในห้องเรียน เหตุป่วยฟุบหลับ
พ่อแทบช็อก มารับลูกชาย ป.3 แต่ไม่เจอ สุดท้ายพบถูกขังในห้องเรียนที่ล็อกกุญแจ รู้ความจริงยิ่งช้ำลูกไม่สบาย "ครู" ให้กินยาแล้วฟุบหลับที่โต๊ะ แต่ไม่มีใครปลุก พ่อแจ้ง ผอ.โรงเรียน หวังให้เพิ่มความระมัดระวัง กลับถูกครูไม่พอใจถามต้องการอะไร
9 ส.ค. 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพลูกชายตัวเองนอนป่วย พร้อมระบุข้อความว่า "นอนละเมอหมดคืนเลยแร้วว่าผู้ปกครองไม่พอใจ ใช่ผมไม่พอใจแล้ว" ต่อมาทราบว่าเจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวคือ นายผดุงศิลป์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งให้ข้อมูลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา น้องพีช ลูกชายของตนเอง เป็นนักเรียนชั้น ป.3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เกิดไม่สบายตอนที่อยู่โรงเรียน ครูจึงให้กินยาจากนั้นเด็กก็มีอาการง่วงจึงนั่งฟุบหลับที่โต๊ะในห้องเรียน จนถึงตอนเลิกเรียน เวลา 16.00 น. ตนเองไปรับลูกชายแต่ไม่เจอตัว จึงคิดว่าลูกกลับบ้านเองแล้วจึงกลับบ้าน แต่ก็ไม่เจอลูก
สอบถามญาติๆ คนในบ้านก็ไม่มีใครเห็น จึงช่วยกันตามหาตัวน้องพีช ลูกชาย กระทั่งผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงย้อนกลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง พบกับผู้ปกครองคนหนึ่งบอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในห้องชั้น 2 จึงรีบวิ่งขึ้นไปดู พบว่าลูกชายถูกขังในห้องเรียนที่ปิดล็อกกุญแจแล้ว จึงตัดสินใจงัดประตูเพื่อช่วยลูกชาย สงสารลูกมากไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พอกลับไปถึงบ้านลูกก็นอนละเมอ มีอาการหวาดผวา จึงได้พาไปหาหมอที่ รพ.เพราะกลัวลูกจะช็อก
นายผดุงศิลป์ ยังเล่าอีกว่า พอรุ่งเช้าตนเองและยายก็ไปแจ้งกับ ผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อให้ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพื่อจะได้กำชับให้ครูตรวจสอบให้รอบคอบมากกว่านี้ จะได้ไม่เกิดปัญหาลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนลูกชายตนเองก็ได้
แต่พอตนกับยายไปแจ้ง ผอ.โรงเรียนทราบ กลับทำให้ครูบางคนไม่พอใจแล้วยังถามตนกับยาย ด้วยว่า "ทำไมต้องมาแจ้ง ผอ.ต้องการอะไร" พอได้ยินแบบนั้นก็เสียความรู้สึกมาก เจอเรื่องสะเทือนใจที่เกิดกับลูกชายแล้วกลับถูกครูต่อว่าซ้ำอีก จึงได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ส่วนอาการของลูกยังมีอาการตัวร้อน และหวาดผวา ยังนอนรักษาตัวที่บ้าน แต่หากไม่ดีขึ้นก็จะพาไป รพ.อีก
นางดวงพร อายุ 60 ปี ยายของน้องพีช เปิดเผยว่าปกติยายจะไปรับหลานเป็นประจำ วันที่เกิดเหตุ ตนไปงานศพ จึงให้พ่อเขาไปรับ พอทราบเรื่องว่าครูลืมหลานไว้ในห้องแล้วปิดล็อกกุญแจไว้ ก็ตกใจมากแล้วยิ่งมาทราบสาเหตุว่าหลานไม่สบายครูให้กินยา จนหลานมีอาการง่วงนอนนั่งฟุบหลับที่โต๊ะในห้อง พ่อไปตามหาเป็นชั่วโมงถึงรู้ว่าลูกถูกขังในห้อง และหลานก็เล่าให้ฟังตอนที่นั่งหลับที่โต๊ะ ครูได้เดินเข้ามาเอาหมาออกจากห้อง หลานก็มองเห็นแต่ส่งเสียงอะไรไม่ได้ ครูจึงล็อกห้องแล้วกลับบ้าน
แต่ที่ทำให้รู้สึกช้ำใจไปกว่านั้นคือเมื่อไปแจ้ง ผอ.รร.ทราบ ครูกลับแสดงความไม่พอใจหาว่าผู้ต้องหาต้องการอะไร พูดเหมือนกับว่าทางครอบครัวอยากได้เงินทอง ก็อยากจะบอกว่าที่ไปแจ้ง ผอ.ทราบเพราะอยากให้ทาง ร.ร.ใส่ใจดูแลเด็กให้รอบคอบมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าจะไปเรียกร้องเงินทองอะไร แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าเพราะหลังเกิดเหตุครู และทาง ร.ร.ก็ไม่ได้มาสอบถามติดตามอาการหลานเลย
สุรชัย พิรักษา จ.บุรีรัมย์