'EG.5.1' สายพันธุ์มาแรง แนวโน้มนำระบาดในไทย แทนที่ โอไมครอน XBB | คมชัดลึก

'หมอยง' ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก Yong Poovorawan โดยพูดถึง โควิด19 ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์มาตลอดในช่วงที่ผ่านมา สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย จะเป็น XBB ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าสายพันธุ์ที่จะมาแทนที่ XBB คือ EG.5 

 

 

สายพันธุ์ 'EG.5.1' หรือเรียกชื่อเล่นว่า 'เอริส' Eris เทพธิดาแห่งความสับสนวุ่นวาย กำลังจะเข้ามาแทนที่ XBB โดยมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งที่สำคัญ 1 ตำแหน่ง ทำให้มีโอกาสที่หลบหลีกภูมิต้านทานได้อีก แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรงของโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น

 

การศึกษาของศูนย์ไวรัสที่ทำอยู่ ขณะนี้ถึงแม้จะมีตัวอย่างน้อย แต่ก็พบ สายพันธุ์ RG.5.1 และสายพันธุ์นี้กำลังจะเป็นสายพันธุ์หลักโดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ต่อไปก็คงหนีไม่พ้นในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ผู้ที่เป็นแล้วมีโอกาสที่จะเป็นซ้ำหรือติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่ความรุนแรงไม่ได้เพิ่มขึ้นการติดตามสายพันธุ์ในประเทศไทยมีความสำคัญในการวางแผน โดยเฉพาะการป้องกันด้วยวัคซีนในอนาคต

 

 

 

นอกจากนี้ ตามที่ได้เคยกล่าวมาแล้ว โควิด19 เป็น โรคประจำฤดูกาล จะพบมากในฤดูฝนเริ่มตั้งแต่นักเรียนเปิดเทอม และเมื่อเข้าสู่ ส.ค. - ก.ย. ก็จะเริ่มลดลง จนเบาบางในเดือนต.ค. และ พ.ย. 

 

 

เชื้อไวรัสไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่กับเราตลอดไป และจะไปเพิ่มมาก (แต่ไม่มากเหมือนเดือนมิถุนายน) ในช่วงปีใหม่จนถึง เดือน ก.พ. ก็จะลดลงอย่างมาก หรือเบาบางที่สุดในรอบปีใน เดือน มี.ค. ถึง พ.ค. และจะเป็นวัฏจักรตามฤดูกาล สายพันธุ์ของไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด คล้ายกับ ไข้หวัดใหญ่

 

ขณะนี้เรารู้ว่าเกือบทั้งหมดในประเทศไทยเป็น สายพันธุ์ XBB ส่วนสายพันธุ์ RG ที่ องค์การอนามัยโลก ให้ความสำคัญจับตามอง จะเป็นสายพันธุ์ต่อไปหรือไม่ ต้องเฝ้าดูสำหรับประเทศไทย อย่างไรก็ตามสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เพิ่มความรุนแรงของโรคแต่อย่างใด ตามหลักวิวัฒนาการของไวรัสเพื่อความอยู่รอด ด้วยการลดความรุนแรงของโรค และมนุษย์เราก็มีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นจากการที่เคยติดเชื้อมาก่อน หรือได้รับวัคซีน 

 

 

วัคซีนโควิด ตามที่ องค์การอนามัยโลก แนะนำ เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ตัวต่อไปเป็น XBB ที่หลายบริษัทเตรียมผลิตและนำมาใช้ คาดว่าตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ ส่วนในปีหน้าสำหรับประเทศไทยคงจะต้องรอดูว่าจะใช้สายพันธุ์อะไร และวัคซีนต่อไปก็คงใช้กับกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มเสี่ยงที่เป็นแล้วจะรุนแรง คล้ายกับ ไข้หวัดใหญ่

 

 

ดังนั้นต่อไปนี้วัคซีนที่จะใช้ต่อปี จะไม่ได้ใช้มากแบบ 2 ปีที่ผ่านมา และการใช้ก็คงเป็นเพียงปีละครั้งในการกระตุ้น ยกเว้นเด็กเล็กที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน และถึงเวลานั้นผลระยะยาวของการฉีดวัคซีน ก็จะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาก