'โอไมครอน JN.1' ระบาดหนักอันดับ 1 ใน สหรัฐอเมริกา ไทยพบแล้ว 3 ราย
'หมอธีระ' เปิดประสิทธิภาพ วัคซีนโควิด Monovalent XBB.1.5 ขณะที่ 'โอไมครอน JN.1' ขึ้นอันดับ 1 ระบาดใน สหรัฐอเมริกา ไทยพบแล้ว 3 ราย
สถานการณ์การระบาดของ 'โอไมครอน JN.1' การแพร่ระบาดผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ประเทศไทยพบแล้ว 3 รายในกทม. ผลสืบเนื่องมาจากการกลายพันธุ์ส่วนหนาม L455S เพียงตำแหน่งเดียวที่ต่างไปจาก โอไมครอน รุ่นพ่อแม่ BA.2.86
การที่ JN.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อขนาดใหญ่ มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสองรองจากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมในครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน
ผลกระทบของการระบาดของ JN.1 ต่ออัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน แต่ข้อมูลจากรัฐนิวยอร์ก พบว่ามีผู้ติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นถึง 36% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่น่ากังวล
JN.1 ยังเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้เกิดการติดเชื้อ โควิด-19 , การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล, และการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในหลายประเทศในยุโรป อินเดียและสิงคโปร์
ล่าสุด 'หมอธีระ' นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทีมงานจากสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษากลุ่มประชากรอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบ Monovalent XBB.1.5
โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และกลุ่มที่เคยได้รับวัคซีนรุ่นดั้งเดิม ทั้งแบบ 2 เข็ม 3 เข็ม และที่เคยฉีดกระตุ้นด้วย วัคซีนโควิด แบบ bivalent พบว่า การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นใหม่ที่ปรับสายพันธุ์เป็น XBB.1.5 นั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยจากการติดเชื้อสายพันธุ์ JN.1 และสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 60%
ในขณะที่ลดเสี่ยงป่วยจนต้องมารับการดูแลที่แผนกฉุกเฉิน และแผนกผู้ป่วยนอกได้ราว 50-55%