ข่าว

'XBB ไตรวาเลนท์' วัคซีนโควิด ครอบจักรวาล กระตุ้นภูมิสู้ โควิด ทุกสายพันธุ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดข้อมูล 'XBB ไตรวาเลนท์' วัคซีนโควิด ครอบจักรวาล เล็งใช้เป็น วัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันสู้ โควิด19 อย่างครอบคลุม ทุกสายพันธุ์

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดข้อมูล งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 'วัคซีนโควิด' 3 สายพันธุ์ 'XBB ไตรวาเลนท์' อาจใช้เป็น วัคซีนเข็มกระตุ้น ภูมิคุ้มกันให้สามารถสู้กับไวรัสโคโรนา 2019 อย่างครอบคลุม ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม (อู่ฮั่น) จนถึง โอไมครอน สายพันธุ์หลักในปัจจุบัน JN.1 และ โอไมครอน BA.2.87.1 ที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดได้ในอนาคต

 

 

การกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของ โควิด-19 อย่างเช่น โอไมครอน BA.2.86.1, JN.1 และล่าสุด BA.2.87.1 ได้สร้างความกังวลไปทั่วโลก เพราะแม้แต่ "วัคซีนโอไมครอนสายพันธุ์เดียว XBB.1.5" หรือที่เรียกว่าวัคซีนโมโนวาเลนต์ที่อาศัย โอไมครอน XBB.1.5 เป็นต้นแบบหรือสารตั้งต้น ซึ่ง องค์การอนามัยโลก 'WHO' แนะนำและองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (US FDA) เพิ่งผ่านการรับรองให้ใช้เมื่อปลายปี 2566 อาจไม่สามารถป้องกันการระบาดจากสายพันธุ์อุบัติใหม่ เช่น โอไมครอน JN.1 และล่าสุด BA.2.87.1 เพราะส่วนหนามต่างไปจากโอไมครอน XBB.1.5 ถึง 24 และ 36 ตำแหน่งตามลำดับ

 

 

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีที่ทีมวิจัยจากจีนได้นำเสนอผลงานวิจัยในฐานข้อมูล bioRxiv (A Hub for Preprints in Biological Sciences) เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2567 เพื่อรอการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันพิจารณา (Peer review) แสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันแอนติบอดีที่เกิดจากการกระตุ้นด้วยวัคซีนต่อต้านโควิด-19 ชนิด ไตรวาเลนท์ XBB สามารถเข้าจับและทำลายโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมรวมถึงสายพันธุ์ล่าสุด JN.1 และ BA.2.87.1 ที่สุ่มเสี่ยงจะระบาดขึ้นได้ในอนาคต

 

 

ผู้ที่ได้รับการฉีด วัคซีนโควิด-19 ชนิด ไตรวาเลนท์ XBB จะมีระดับภูมิคุ้มกันของแอนติบอดีสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีการติดเชื้อ XBB ซ้ำตามธธรรมชาติ

 

 

วัคซีนโควิด-19 ครอบจักรวาล (Universal COVID-19 Vaccine)

 

การติดตามและปรับปรุงสูตรวัคซีนอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวให้ทันกับ ไวรัสโควิด-19 ที่มีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว  โดยผู้ผลิตวัคซีนมีเป้าหมายที่จะสร้าง วัคซีนโควิด-19 ชนิด ครอบจักรวาล อันหมายถึงวัคซีนที่มีความสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ตั้งแต่ที่เคยระบาดในอดีต ปัจจุบัน และที่อาจมีการระบาดขึ้นในอนาคต 

 

 

วิวัฒนาการก้าวกระโดด (evolutionary jump) 

 

โอไมครอน BA.2.86.1, JN.1 และ BA.2.87.1 ได้มีวิวัฒนาการแยกตัวกลายพันธุ์มาจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.2 ซึ่งตรวจพบเมื่อปี 2565 ก้าวกระโดดข้ามสายพันธุ์ โอไมครอน XBB ซึ่งเพิ่งพบการะะบาดเมื่อปีที่แล้ว (2566) อันเป็นการวิวัฒนาการก้าวกระโดด เช่นเดียวกับ โอไมครอน สายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ที่มิได้การกลายพันธุ์ต่อยอดมาจากสายพันธุ์เดลตาที่ก่อให้เกิดการระบาดติดเชื้อรุนแรงก่อนหน้า แต่กลับวิวัฒนาการก้าวกระโดดมาจากโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม แยกทางไปตามเส้นทางวิวัฒนาการที่ชัดเจน ซึ่งอาจประมาณกลางปี 2563  

 

โอไมครอน ได้สะสมการกลายพันธุ์ใหม่มากกว่า 50 ตำแหน่งบนจีโนม เมื่อเทียบกับ โควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นที่พบการระบาดในจีนเมื่อ 2019 (2562) ก่อนแพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งบ่งชี้ถึงเส้นทางวิวัฒนาการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แยกจากสายพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นการผลิตวัคซีนอาจไม่ควรใช้ โควิด-19 สายพันธุ์ล่าสุดที่กำลังระบาดมาเป็นต้นแบบหรือหัวเชื้อในการผลิตวัคซีนแต่เพียงสายพันธุ์เดียวหรือไม่ 

 

ข้อมูลจากทีมวิจัยจีนกว่า 10 สถาบันพบว่าวัคซีน 'XBB ไตรวาเลนท์' ซึ่งเป็นวัคซีนประเภทโปรตีนซับยูนิต ผลิตจากเซลล์แมลงซึ่งใช้ โควิด-19 สามสายพันธุ์คือ เดลตา, BA.5 และ XBB.1.5 เป็นสารตั้งต้น มีฤทธิจับกับ ไวรัสโควิด-19 ตัดแต่งทางพันธุกรรม ได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ไวรัสดั้งเดิม อู่ฮั่น, เดลตา, โอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.2 และรุ่นลูก, หลาน, เหลน, ลื่อ, ลืบ, และ ลืด 

 

กล่าวคือ โอไมครอน BA.5, XBB.1.5, XBB.1.16, EG.5.1, HK.3, BA.2.86, JN.1, และที่โดดเด่นคือ สายพันธุ์ BA.2.87.1 ที่มีการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้สูงสุดและสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดขึ้นได้ในอนาคตเพราะมีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนามไปมากที่สุดถึง 36 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับ โอไมครอน XBB.1.5 และหากเทียบ โอไมครอน BA.2.87.1 กับโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.2) พบว่ามีการกลายพันธุ์ทั้งจีโนมและเฉพาะบริเวณหนามไปอย่างมากถึง 70 และ  40  ตำแหน่งตามลำดับ

 

อาสาสมัครที่ได้รับการฉีด 'วัคซีน XBB ไตรวาเลนท์' เมื่อนำเลือดมาตรวจสอบปริมาณแอนติบดี (ไตเตอร์) ที่สามารถเข้าจับและทำลายอนุภาคไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ในหลอดทดลองพบว่ามีแอนติบดีไตเตอร์ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณแอนติบอดีที่แยกได้จากผู้ที่มีการติดเชื้อ XBB ตามธรรมชาติ

 

ยังไม่มีรายงานโดยตรงที่เปรียบเทียบโปรไฟล์ของผลข้างเคียงระหว่างวัคซีน 'XBB ไตรวาเลนต์' ซึ่งผ่านการอนุมัติให้ใช้ได้ในจีนและวัคซีน 'XBB.1.5 โมโนวาเลนต์' ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในอเมริกาและยุโรป โดยความปลอดภัยของวัคซีนทั้งสองได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดผ่านระบบเฝ้าระวังหลังการวางตลาด

 

 

ความแตกต่างระหว่างโอไมครอน JN.1 และ BA.2.87.1

 

โอไมครอน JN.1 ไม่ได้มีต้นกำเนิดในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นลูกหลานของ โอไมครอน BA.2.86.1 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในกลุ่มตัวอย่างจากเดนมาร์กและอิสราเอล โอไมครอน JN.1 ถูกกำหนดให้เป็นสายพันธุ์ภายใต้การติดตามขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2566

 

ในทางกลับกันโอไมครอน BA.2.87.1 ถูกค้นพบในประเทศแอฟริกาใต้และถูกสุ่มพบเพียง 9 รายระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม พ.ศ.2566

 

ดังนั้น โอไมครอน BA.2.87.1 ซึ่งส่วนหนามมีการกลายพันธุ์ต่างไปจาก โอไมครอน XBB.1.5 (ที่ใช้เป็นต้นแบบในการผลิตวัคซีน XBB.1.5 โมโนวาเลนต์) มากกว่า 30 ตำแหน่งทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดขึ้นได้ในอนาคต คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า "วัคซีนโอไมครอนสายพันธุ์เดียว XBB.1.5" ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการระบาดของ โอไมครอน BA.2.87.1 และลูกหลานได้ดีแค่ไหน

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ