1.4 พันล้าน จัดกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชียลอาร์ทเกมส์ 2021
ชลบุรี-กทม.เป็นเจ้าภาพร่วม
“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้ประเทศไทย เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021
กระบวนการทำงานก็คือ เมื่อได้รับให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021 แล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย กกท. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วนในทุกมิติ รวมทั้งจัดทำโครงสร้าง คณะกรรมการต่าง ๆ รายละเอียดแผนงาน กิจกรรมที่ต้องดำเนินการ และประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดยสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ขอให้ไทยนำเสนอความคืบหน้าในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ที่เมืองซานย่า ประเทศจีน
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสม ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ใช่วงเวลาการจัดการแข่งขันดังกล่าวด้วย ตามความเห็นชอบของสำนักงบประมาณ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอ ครม. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทย เสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021 ซึ่งมีกำหนดการแข่งขัน 10 วัน ในช่วงปลายเดือนเม.ย.ปีหน้า ที่จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันทั้งหมด 21 ชนิดกีฬา จากผู้เข้าแข่งขัน 46 ประเทศ โดยใช้งบประมาณจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดการแข่งขัน 240,000,000 บาท และขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 1,245,500,000 บาท ในการจัดการแข่งขันรวมทั้งส้ิน 1,485,500, 000 บาท
ผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณในการจัดกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 2021 ได้วางไว้ที่ 1,485,500,000 บาท โดยจะขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 1,245,500,000 บาท ซึ่งแยกเป็นงบจัดการแข่งขันประมาณ 900,000,000 บาท และงบปรับปรุงสนาม 300,000,000 บาท และเป็นส่วนของรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ 240,000,000 บาท ส่วนการเดินทางไปนำเสนอความคืบหน้ากับทางโอซีเอ นั้น ยังไม่แน่ชัดว่าโอซีเอ ยังจะมีการประชุมตามเดิม หรือให้ประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนต่อไป