"บุรีรัมย์ยูไนเต็ด"ปั้น"ทีมชาติไทยU18" เดิมพัน"ช้างศึก"ติดอันดับเอเชีย
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สร้างนวัตกรรมการทำงานรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทย โดยเฉพาะกับ"ทีมชาติไทย U18" ที่ส่งมอบการทำหน้าที่พัฒนาทีม หรือเตรียมทีมเข้าแข่งขัน ให้ไปอยู่ในการดูแล หรือความรับผิดชอบของ"บุรีรัมย์ยูไนเต็ด" ภายใต้แนวคิด 3 ปี ท็อปเท็นเอเชีย
การประกาศแต่งตั้งให้ ชนน์ชนก ชิดชอบ ทายาท เนวิน ชิดชอบ
ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้ามาทำหน้าที่ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี " ทีมชาติไทยU18 " โดยมี มิลอส เวเลบิต ทำหน้าที่เฮดโค้ช หรือหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา คือ บทสรุป ของการใช้เวลาเพียง 15 วัน เท่านั้น นับจากวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน ที่แนวคิดของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรสมาชิก คือ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่จะมาร่วมพัฒนา "ทีมชาติไทย"รุ่นอายุ 18 ปี
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย " โยนหินถามทาง" ออกไปสู่สังคมภายนอก ด้วยการใช้หลักคิดที่ว่า "คิดนอกกรอบ" จากเดิมที่ผูกมัดการพัฒนาหรือเตรียมทีมชาติไทย ภายใต้บริบทการดำเนินงานของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปลี่ยนวิธีไปสู่การเชิญชวนสังคม เชิญชวนสโมสรสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อจับมือสร้าง "ทีมชาติไทย" เป็นการยอมรับความจริงที่ว่า การเดินเพียงลำพัง ภายใต้สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ยากที่จะไปสู่ความสำเร็จ การได้รับความช่วยเหลือ จากสโมสรสมาชิก , ภาครัฐ และเอกชน ที่จะเข้ามาร่วมคือ บันได ที่จะไปสู่ความสำเร็จ และ"ทีมชาติไทยU18" ภายใต้การดูแลของ "บุรีรัมย์ยูไนเต็ด" คือคำตอบ ณ เวลานี้
นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เลือกที่จะโยนหินถามทาง ด้วยการใช้ "ทีมชาติไทย" ในระดับเยาวชน ที่จำเป็นจะต้องพัฒนาทีมอย่างเป็นระบบ นำเสนอแนวคิดออกไป เพื่อเชิญชวนให้ผู้ที่มีความพร้อม ได้เข้ามาร่วมสนับสนุน จับมือไปด้วยกัน ในการทำงานร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย "ในครั้งนี้เราจะนั่งคุยกันอย่างจริงจัง เปิดกว้าง ช่วยกันคิดให้นอกกรอบ เพราะเรายังต้องการค้นหา และพัฒนาผู้เล่นเยาวชนอีกจำนวนมาก ที่จะเป็นตัวเลือกเพื่อคัดเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยต่อไป ซึ่งหากสมาคมเป็นผู้ดำเนินการเองผู้เดียว ก็คงจะไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างแน่นอน " พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย : 18 พฤศจิกายน 2565
ภาพที่ต้องบันทึกไว้เเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ก็คือ
นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ประกาศความร่วมมือ ในการสร้างทีมชาติไทยรุ่นใหม่ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี " ทีมชาติไทยU18" เพื่อเตรียมทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชียในปี 2025 พร้อมกับ เป้าหมายที่วางไว้ คือ การผลักดันให้ทีมชาติไทยชุดนี้ ติดอันดับ 1ใน 10 ของเอเชีย ภายใน 3 ปี การเข้ามาสนับสนุนของ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด คือการส่งให้ ชนน์ชนก ชิดชอบ ทายาทของประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้ามาทำหน้าที่ ผู้จัดการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี โดยมี มิลอส เวเลบิต ทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี
กระบวนการรับข้อเสนอ จากสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในการเข้ามาทำงานร่วมกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ผ่านกระบวนการตัดสินใจจากบุคคลที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไว้วางใจในการดูแลทีมชาติไทย คือ การ์เลส โรมาโกซา ซึ่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการเทคนิคทีมชาติไทย กระทั่งตกผลึก ในการรับข้อเสนอหรือรับการสนับสนุนจาก บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ต่อการที่จะเข้ามาทำหน้าที่พัฒนาทีมชาติไทย แผนแม่บทที่ถูกวางไว้ก็คือ คัดนักฟุตบอลที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี (เกิดปี 2548) มาเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันต่อเนื่อง 3 ปี
แนวทางการทำงานเตรียมทีมชาติไทย U18 ต่อการเตรียมทีม จะมีการเปิดทดสอบนักกีฬา เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นไป , นักกีฬาทั้งหมด
จะเก็บตัวอยู่ที่แคมป์ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมงานสตาฟโค้ช การฝึกฝนทักษะฟุตบอล ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก การสร้างระเบียบวินัยและการใช้ชีวิตทั้งในและนอกสนาม
"สมาคมฯ และ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำข้อตกลงร่วมกัน ที่จะสร้างทีมชาติไทย เพื่อเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเซีย ปี 2025 โดย มีเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของเอเซีย โดยมี ชนน์ชนก ชิดชอบ เป็นผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดนี้ และ มิลอส เวเลบิต โค้ชชาวเซอร์เบีย เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย : 2 ธันวาคม 2565
เครื่องมือในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างทีมชาติไทย ภายใต้กลยุทธ์ของ"บุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ "สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย" มี 4 ขั้นตอนคือ
-CHANGE เปลี่ยนในเรื่องของการพัฒนาสภาพจิตใจ, สภาพร่างกาย และ เทคนิค
- KINGS OF ASEAN การนำทีมชาติไทยกลับสู่จุดที่ควรเป็น และสร้างความสุขให้แฟนบอล
- JUMP การก้าวไปข้างหน้า ด้วยมาตรฐาน เพื่อก้าวไปท้าทายชาติชั้นนำของเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
- CONSISTENCY ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ ในการพัฒนาวงการฟุตบอลในระยะยาว และก้าวไปเล่นในระดับโลกเพื่อเป็นบันไดต่อไป
"ถ้ามองในแง่ของการทำงานภายใต้กรอบความร่วมมือครั้งนี้ ผมว่าเราได้เห็นถึงระบบการทำงาน ที่เป็นไปอย่างมีทิศทางที่เด่นชัดมากขึ้นตามลำดับ เห็นถึงแผนแม่บทที่ชัดเจน เห็นถึงกรอบการทำงาน เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ที่ผ่านมาข้อติติงของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่สังคมภายนอกวิพากษ์ วิจารณ์มาโดยตลอดก็คือ "
"ขาดการบริหาร จัดการ ในแบบองค์รวม การเป็นสมาคมกีฬา จะปฏิเสธเรื่องนี้ ไม่ได้เลย เพราะความสำเร็จทุกอย่าง ถูกวัดจากจุดเริ่มต้นที่การบริหาร/การจัดการ วันนี้เราเห็นแล้วว่า บุรีรัมย์ยูไนเต็ด จะเข้ามาทำหน้าที่ในการพัฒนาทีมชาคติไทย จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราได้เห็น การเปิดกว้างของการทำงาน เห็นแล้วว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลรับมือไม่ไหว กับภารกิจ เห็นถึงการเข้ามาทำงานแบบเคียงบ่า เคียงไหล่ของภาคเอกชน คือสโมสรสมาชิก แน่นอนว่ามันคือทิศทางที่ดี จากนี้ไปสิ่งที่ทำได้สำหรับคนในวงการฟุตบอล คือเฝ้าดูการทำงานของทีมชาติไทยชุดนี้ ที่อยู่ภายใต้บุรีรัมย์ยูไนเต็ด" ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์ วิทยากรฝึกอบรมโค้ชฟุตบอลอาชีพ ให้ทัศนะกับ "คมชัดลึก"
ความล้มเหลวของฟุตบอลทีมชาติไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเสมอ สำหรับขาใหญ่แห่งวงการฟุตบอล "เนวิน ชิดชอบ" ที่เปิดหน้าชนอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นการไร้ระเบียบวินัยของทีมชาติไทยในระดับเยาวชน การล้มเหลวของทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ โดยพาดพิงไปถึงหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย "มาโน่ โพลกิ้ง" กระทั่งทุกอย่างสุกงอม ได้เวลาของ"บุรีรัมย์ยูไนเต็ด" ที่จะนำโมเดล การทำงานมาขับเคลื่อนทีมชาติไทย เป็นการเปลี่ยนหน้าที่จากผู้วิจารณ์ สู่การทำหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในภาคสนาม
ขอขอบคุณภาพ จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย