"คริสเตียโน โรนัลโด" สถานีต่อไปกับอาชีพค้าแข้ง
"คริสเตียโน โรนัลโด" ซูเปอร์สตาร์มากด้วยผลงานกับการตัดสินใจเลือก สโมสรต่อไปบนเส้นทางอาชีพค้าแข้ง หลังปิดฉากกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ชื่อของ "คริสเตียโน โรนัลโด" สตาร์ชาวโปรตุกีส ในวัย 37 ปี ณ ปัจจุบันกับสโมสร "อัลนาสเซอร์" กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างหนาหูหรือเป็นที่เชื่อมโยงอย่างมาก หลังจาก marca สื่อชื่อดังจากแดนกระทิงดุ ประเทศสเปนให้ข้อมูลถึงความน่าจะเป็นอันใกล้ ซึ่งจะสามารถกระชากลายเซ็นสตาร์รายดังกล่าวให้ย้ายซบทีม
โดย สโมสร "อัลนาสเซอร์" ทีมจากศึก ซาอุดิอาระเบีย โปรเฟสชั่นแนล ลีก ซึ่งมีประวัติความเป็นมา เริ่มก่อตั้งสโมสรขึ้นเมื่อปี 1955 โดย คว้าแชมป์ลีกได้ทั้งหมด 9 สมัย , คิงส์คัพ 6 สมัย , คราวน์ปรินซ์ คัพ 3 สมัย , เฟเดอเรชัน คัพ 3 สมัย และซาอุดีอาระเบีย ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย รวมไปถึงการคว้าแชมป์ จีซีซี แชมเปียนส์ลีก ได้ 2 ครั้ง และ แชมป์ เอเชี่ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ กับ เอเชียน ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 1 สมัย สำหรับปัจจุบัน "อัลนาสเซอร์" นำเป็นจ่าฝูงของตาราง
ทั้งนี้ "คริสเตียโน โรนัลโด" สตาร์ชาวโปรตุกีส กับคำถามที่แฟน ๆ ทั้งโลกกำลังสงสัยนั่นคือเป้าหมาย หรือ สถานีต่อไป ของ โรนัลโด จะไปปักหลักลงที่ไหน หลัง ฟุตบอลโลก 2022 จบลง สโมสรต่าง ๆ กลับมาลงเล่นตามโปรแกรมแข่งขัน แต่ "คริสเตียโน โรนัลโด" ณ ปัจจุบัน ยังไร้ซึ่งคำตอบ สำหรับจุดหมายทางที่ชัดเจน
โดยสาเหตุดังกล่าวเกิดจาก ก่อน ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะจุติขึ้น "คริสเตียโน โรนัลโด" ซึ่งในตอนนั้นยังสวมเครื่องแบบ ปีศาจแดง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ออกมาสัมภาษณ์ ถึง สโมสร ผู้จัดการทีม รวมถึงเพื่อนรวมทีม ในรายการของ เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดังชาวอังกฤษ ชื่อ Piers Morgan Uncensored
ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนั้น สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกเลิกสัญญา ดาวเตะสัญชาติโปรตุกีส วัย 37 ปี ด้วยการเป็นไปที่ทั้งสองฝ่าย รวมถึง โรนัลโด ต้องการและหาสโมสรใหม่ได้อย่างอิสระ
ทั้งนี้ "คริสเตียโน โรนัลโด" ในวัย 37 ปี ทุ่มสมาธิทุกอย่างลงรับใช้ ทีมชาติโปรตุเกส เพื่อเป้าหมาย เวิลด์คัพ ที่ยังขาดหายแต่ทว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ ยังไม่เกิดขึ้น ทำให้ปลายทางของ โรนัลโด ในเวลานี้ทำได้เพียงลงเล่นในสโมสรใหม่กับการสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง
หากย้อนเส้นทางอาชีพของ "คริสเตียโน โรนัลโด" ตลอดการค้าแข้ง
สปอร์ติ้ง ลิสบอน
"คริสเตียโน โรนัลโด" เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลด้วยการเข้าทีมเยาวชนของ Andorinha อันดอรินญ่า ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ สโฒสร นาซิอองนาล ในอีก 2 ปีต่อมา และฉายแววโดดเด่นจนได้เข้าสู่อคาเดมีของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ในวัย 12 ปี
ในทีมอคาเดมี่ โรนัลโด้ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น กระทั่งถูกดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และลงประเดิมสนามในลีกโปรตุเกส นัดแรก ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้นในฤดูกาล 2002-2003 และดาวรุ่ง โรนัลโด ก็ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย โดยทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับโอกาสลงสนามถึง 31 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 5 ประตู จนเป็นที่เตะตาของหลายทีมทั่วยุโรป
หลังจากนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น เมื่อเดือนสิงหาคม 2003 ซึ่ง ปีศาจแดง บุกไปเยือน สปอร์ติ้ง ลิสบอน และเกมจบลงด้วยชัยชนะของ ลิสบอน ด้วยสกอร์ 3-1 พร้อมกับฟอร์มสุดโหดของ โรนัลโด ซึ่งเล่นงานเกมรับของ ผู้มาเยือน อย่างปั่นป่วนตลอดทั้งเกม
และผ่านไปอีกแค่สัปดาห์เดียว คริสเตียโน โรนัลโด ในวัย 18 ปี ก็สร้างเสียงฮือฮาเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงจรดปากกาคว้าตัว ด้วยค่าตัว 12.2 ล้านปอนด์ เป็นสถิติ นักเตะดาวรุ่ง ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาะอังกฤษ ในเวลานั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด
"คริสเตียโน โรนัลโด" กับ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เริ่มต้น ฤดูกาล 2003 - 2004 โดยเขาได้รับหมายเลข 7 จากการเลือกของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกับตำนานของทีมที่ผ่านมา ทั้ง จอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน, เอริค คันโตน่า และ เดวิด เบ็คแฮม
โดย ในช่วงฤดูกาลแรก ถือเป็นช่วงปรับตัวของดาวรุ่งชาวโปรตุกีส ก่อนจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฟอร์มพีคที่สุด ของ CR7 ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเป็นที่จับตายของกองหลังหลายคนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา ทั้งนี้ ฤดูกาล 2007-2008 ซัด ไปถึง 31 ประตูเพียงฤดูกาลเดียว เท่านั้นยังไม่พอ พา ปีศาจแดง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 สมัยซ้อน และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ทำให้เจ้าตัวได้รับรางวัล บัลลงดอร์ ในปี 2008 ไปครองได้สำเร็จ โดย โรนัลโด คว้าแชมป์ร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 สมัย ฤดูกาล 2006 - 07, 2007 - 08 , 2008 - 09 , เอฟเอ คัพ 1 สมัย : 2003 - 2004 , ลีก คัพ 2 สมัย : 2005 - 2006 , 2008 - 2009 , คอมมูนิตี้ชิลด์ 1 สมัย : 2007 , ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย : 2007 - 2008 , สโมสรโลก 1 สมัย : 2008
เรอัล มาดริด
หลังจากตัดสินใจยุติเส้นทาง 6 ปีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด "คริสเตียโน โรนัลโด" ย้ายมาหาความท้าทายแห่งใหม่ ในศึก ลาลีกาสเปน กับ สโมสร "เรอัล มาดริด" ในฤดูกาล 2009 ซึ่งเป็นการเปิดตัวด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ กลายเป็นนักเตะที่เเพงที่สุดในโลกเวลานั้น โดย โรนัลโด สร้างผลงานระดับพรีเมียมยิ่งขึ้นไปอีกกับ ราชันชุดขาว รวมทั้งสิ้น 9 ฤดูกาล กวาดรางวัลทุกชิ้น ทั้งส่วนตัว และกับต้นสังกัด โดยเป็นการลงสนาม 438 นัด ทำ 450 ประตู ก่อนจะมีการโยกย้ายทีมอีกครั้ง โดย โรนัลโด คว้าแชมป์ร่วมกับ เรอัลมาดริด ลาลีกา สเปน 2 สมัย : 2011 - 2012 , 2016 - 2017 , โกปา เดล เรย์ 2 สมัย : 2010 - 2011 , 2013 - 2014 , สแปนิชซูเปอร์คัพ 2 สมัย : 2012 , 2017 , ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย : 2013 - 2014 , 2015 - 2016 , 2016 - 2017 , 2017 -2018 และ สโมสรโลก 3 สมัย : 2014 , 2016 , 2017
ยูเวนตุส
หลังจากค้าแข้งในแดนกระทิงดุร่วม 9 ฤดูกาล "คริสเตียโน โรนัลโด" ตัดสินใจเก็บสัมภาระมาสวมเครื่องแบบ ม้าลาย "ยูเวนตุส" ในศึก กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ในฤดูกาล 2018 ซึ่งดูเหมือนว่า คริสเตียโน โรนัลโด จะแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย ทำให้ การมาของ คริสเตียโน โรนัลโด สร้างประวัติศาสตร์ไว้ที่ประเทศอิตาลีมากมาย ทั้งดาวซัลโว ของเซเรียอา อิตาลี ในปีั 2020-2021 ด้วยการยิงเป็นพลุแตกถึง 29 ประตู ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถครองตำแหน่งดาวซัลไว ได้ใน 3 ลีกใหญ่ของยุโรป อังกฤษ , สเปน และ อิตาลี โดย โรนัลโด คว้าแชมป์ร่วมกับ ยูเวนตุส เซเรียอา 2 สมัย ฤดูกาล 2019 - 2019 , แชมป์โคปปา อิตาเลีย 2020–21แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์คัพ : 2018, 2020
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังจากนั้น "คริสเตียโน โรนัลโด" เป็นที่ทุกคนต้องพูดถึงเมื่อปี 2021 เขาตัดสินใจบรรลุข้อตกกับสโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เซ็นสัญญา 2 ปี คืนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นกุนซือ ซึ่งทุกสายตาต่างจับจ้องถึง โรนัลโด ในวัย 36 ปี ว่าอาจเป็นการกลับมาแขวนสตั๊ดกับสโมสรแจ้งเกิดอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เป็นการสวมหมายเลข 7 สานต่อประวัติศาสตร์ของตนเอง
ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือของทีมจนมาถึง เอริค เทนฮาก ทำให้ฤดูกาล 2022-2023 โรนัลโด ต้องกลายเป็นตัวสำรองของทีม ทำให้กระแสพูดถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ซึ่ง CR7 ไม่สามารถเดินทางมาร่วมกับทีม เพราะปัญหาส่วนตัวจนมีกระแสย้ายทีม
จนมาถึงจุดแตกหัก ก่อน ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มขึ้น "คริสเตียโน โรนัลโด" ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง ผู้จัดการทีม รวมถึง สโมสร ทำให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทำให้เกิดการยกเลิกสัญญาในท้ายที่สุด และเป็นการปิดฉากตำนานหมายเลข 7 ของ โรนัลโด ในที่สุด
สถานีต่อไป
"คริสเตียโน โรนัลโด" ซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับขนานนามว่าย้ายไปที่ไหนต้องมีแชมป์ติดมือ รวมถึงเป็นผู้เล่นจอมสร้างสถิติอันมากมาย โดยยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการย้ายร่วมทีม แต่ล่าสุด กับการพูดถึง หนึ่งในสโมสรจากแดนทะเลทราย อย่าง "อัลนาสเซอร์" ทีมมหาอำนาจรวมถึงเงินมหาศาล ที่พร้อมจะดึงตัว โรนัลโด ย้ายไปสร้างสถิติใน ลีกสูงสุดประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างไรก็ตาม "คริสเตียโน โรนัลโด" อาจมีคำตอบในการตัดสินครั้งนี้ ซึ่งในเร็ว ๆ
CREDIT PHOTO : TeamCRonaldo , ManUtdMEN , ESPNFC , skysports , Cristiano