เปิดประวัติ 'เปาป้อม-วัชรินทร์ รัชนิพนธ์' กรรมการศึก ONE และ 10 Fight 10
เปิดประวัติแสดงความอาลัย เปาป้อม-ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ ผู้ตัดสินดีเด่นแห่งเวทีมวยลุมพินี หนึ่งเดียวใน สังเวียน ONE และโด่งดังในมวยดารา 10 Fight 10
ข่าวเศร้า น่าใจหายและน่าเสียดายบุคลากรคุณภาพแห่งวงการมวยของไทย กับการเสียชีวิตจากการยิงตัวเองตายของ "ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์" อายุ 33 ปี ผบ.หมู่ จเรตำรวจ หรือฉายาที่คนในแวดวงมวยของไทยรู้จักกันคือ "เปาป้อม" ซึ่งมีดีกรีการันตีด้วยรางวัลผู้ตัดสินดีเด่นของเวทีมวยลุมพินี
สำหรับประวัติคร่าวๆ ที่ ส.ต.อ.วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ หรือ "เปาป้อม" ให้สัมภาษณ์ในหลายสื่อ คือ ก่อนจะมาเป็นกรรมการตัดสินมวย เคยเป็นนักมวยมาก่อน เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ผ่านการชกมามากกว่า 150 สังเวียน ก่อนจะต้องอำลาอาชีพมวยเมื่ออายุ 18 ปี เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็หวนคืนวงการด้วยการเป็นครูสอนมวย
และสอบเข้าเป็นกรรมการผู้ตัดสินมวยตั้งแต่ปี 2556 ถือเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินมวยที่อายุน้อยที่สุด แต่ผ่านประสบการณ์ชี้ขาดบนสังเวียนมวยมาแล้วอย่างโชกโชน และยังเป็นกรรมการผู้ชี้ขาดชาวไทยคนแรกและคนเดียวในสังเวียน ONE ลุมพินี และเวทีระดับโลก ONE การันตีความสามารถด้วยถ้วยรางวัลเกียรติยศมากมาย เช่น รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมของสนามมวยเวทีลุมพินี และรางวัลผู้ตัดสินดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย 2 ปีซ้อน
กว่าจะได้เป็นกรรมการคนไทยหนึ่งเดียวในสังเวียน ONE
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.onefc.com เคยเปิดประวัติของเปาป้อมในหน้าเว็บไซต์ เรื่อง "รู้จักกรรมการไทยคนเดียวในศึก ONE และ ONE ลุมพินี “วัชรินทร์ รัชนิพนธ์”" โดยเนื้อหาระบุว่า
เรื่องราวน่าภาคภูมิใจของ “สิบตำรวจเอก วัชรินทร์ รัชนิพนธ์” หรือ “เปาป้อม” กรรมการผู้ชี้ขาดบนเวทีชาวไทยคนแรกและหนึ่งเดียวในสังเวียน ONE ลุมพินี และเวทีระดับโลก ONE
“สิบตำรวจเอก วัชรินทร์ รัชนิพนธ์” หรือฉายาที่คนมวยรู้จักกันดีว่า “เปาป้อม” วัย 34 ปี ถือเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินอายุน้อยที่ผ่านประสบการณ์ชี้ขาดบนสังเวียนมาอย่างโชกโชน การันตีความสามารถด้วยรางวัลเกียรติยศมากมาย ได้แก่ รางวัลกรรมการขวัญใจมหาชนของชมรมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมของสนามมวยเวทีลุมพินี และรางวัลผู้ตัดสินดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย 2 ปีติดต่อกัน
ก่อนที่จะเป็นมากรรมการมวยเบอร์หนึ่งของไทยนั้น “เปาป้อม” เคยเดินบนเส้นทางนักมวยมาก่อน โดยพื้นเพเป็นชาวจังหวัดระนอง เริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยใช้ชื่อว่า “สิงห์สยาม ศักดิ์สมหมาย” และก็เหมือนกับนักมวยทั่วไปที่เริ่มไต่เต้าจากเวทีมวยระดับภูธร จนได้เข้าร่วมเวทีมาตรฐานในเมืองกรุง
ในช่วงมัธยมปลายได้ย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ จึงเปลี่ยนชื่อมาใช้ “แดดสี่ (ศักดิ์ชัยวัฒน์) ส.สุวรรณภักดี” ผ่านการชกมากกว่า 150 ไฟต์ ก่อนจะอำลาสังเวียนอาชีพในวัยเพียง 18 ปี เพราะได้รับบาดเจ็บแขนหัก
แต่ด้วยความผูกพันกับมวยไทยที่คลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบปริญญาตรี “เปาป้อม” จึงหวนกลับมาเอาดีด้านมวยไทยอีกครั้ง ด้วยการรับงานเป็นครูสอนมวยไทยในหลายที่ ก่อนจะเข้าอบรมเป็นกรรมการของสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย
กระทั่งสอบเข้ามาเป็นผู้ตัดสินของเวทีลุมพินีตั้งแต่ปี 2556 และได้สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงจนได้รับการยกย่องจากทั่วทั้งวงการมวยไทยในฐานะกรรมการที่ตัดสินได้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมตามกติกา และเฉียบขาด ว่องไว ในเข้าเซฟนักกีฬาในทุกจังหวะสำคัญที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีระหว่างการแข่งขัน
ด้วยผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าว บิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” แห่ง ONE จึงดึงตัวมาเป็นกรรมการชี้ขาดบนเวทีในศึก ONE ลุมพินี ซึ่งปกติแล้วจะใช้กรรมการจากต่างประเทศทั้งหมด โดย “เปาป้อม” ได้ผ่านการอบรมจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ONE เกี่ยวกับกติกา เกณฑ์การตัดสิน ตามมาตรฐานสากลที่ปฏิบัติกันทั่วโลก และถือเป็นชาวไทยคนแรกและคนเดียวที่ทำหน้ากรรมการผู้ชี้ชาดในศึก ONE ลุมพินี ตั้งแต่นัดปฐมฤกษ์ เมื่อ 20 ม.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดเขาได้รับโอกาสโชว์ผลงานในเวทีระดับโลก ONE ในศึก ONE FIGHT NIGHT 8 ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่ง “เปาป้อม” รับหน้าที่สำคัญเป็นกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวทีในกติกามวยไทยถึง 2 คู่ ได้แก่ คู่ของ “เอคาเทรินา วานดารีวา” ปะทะกับ “อิมาน บาร์โลว์” และศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) ระหว่าง “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” และ “เจเน็ต ท็อดด์”
โดยทาง “เปาป้อม” ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกหลังเข้ามารับหน้าที่สำคัญท่ามกลางกรรมการชาวต่างชาติทั้งในศึก ONE ลุมพินี และและเวทีใหญ่ระดับโลก ONE
“ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ ทั้งภูมิใจทั้งตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสให้ไปตัดสินในเวทีระดับโลก ยิ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยครับ เรียกได้ว่าทาง ONE เข้ามายกระดับทุกภาคส่วนของวงการมวยก็ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักมวย ทีมงานส่วนอื่น ๆ รวมถึงกรรมการด้วยครับ ในโอกาสข้างหน้าผมคิดว่าคงได้เห็นกรรมการคนไทยท่านอื่น ๆ ได้ขึ้นมาตัดสินในเวทีนี้แน่นอนครับ”
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของ ONE ในการยกระดับมวยไทยสู่ระดับโลก ซึ่งนอกจากความตั้งใจในการเปิดพื้นที่ให้นักมวยไทยได้แสดงฝีมือและพัฒนาตัวเองแล้ว ONE ยังตระหนักถึงความสำคัญของกรรมการตัดสินซึ่งถือเป็นบุคลากรที่มีส่วนอย่างยิ่งต่อการสร้างความน่าเชื่อถือและจะทำให้มวยไทยเป็นเกมกีฬาสากลของทุกคนอย่างแท้จริง จึงมีการเปิดโอกาสให้กรรมการชาวไทยได้เข้ามาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับหลักปฏิบัติตามมาตรฐานสากลของกรรมการตัดสินกีฬาการต่อสู้ เพื่อสร้างอีกหนึ่งฟันเฟืองอันแข็งแรงที่พร้อมช่วยกันขับเคลื่อนนำมวยไทยไปสู่ระดับโลกตามปณิธานของ ONE นั่นเอง
กรรมการหนึ่งเดียวในเวทีมวยดารา 10 Fight 10
"ไม่ชกต่ำกว่าเข็มขัด ระวังศีรษะกระแทก ไม่กอดไม่เหวี่ยง ออกอาวุธด้วยสันหมัดเป็นส่วนปะทะเป้าหมาย ไม่ตบ ไม่เหวี่ยงกลับ ห้ามหันหลัง ไม่ต่อยท้ายทอย ชกให้เต็มที่ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ไม่ทำผิดกติกาใด ๆ ทั้งสิ้น"
เป็นประโยคประจำตัวของ เปาป้อมในการทำหน้าที่ผู้ตัดสินมวยดารา 10 Fight 10 ของช่อง workpoint23 ที่คุณผู้ชมจะคุ้นหูกับเสียงการเน้นย้ำกติกาให้กับนักมวยก่อนการชก
ส.ต.อ.วัชรินทร์ เคยให้สัมภาษณ์กับกระปุกดอทคอม ถึงการทำหน้าที่ผู้ตัดสินบนเวที 10 Fight 10 บางช่วงบางตอนถึง 3 รางวัลการันตี การเป็นกรรมการยอดเยี่ยม สู่กรรมการห้ามมวยใน 10 Fight 10ว่า
"ผมทำหน้าที่ห้ามมวยอยู่ที่ลุมพินีอยู่หลายปี จนเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2561) ผมก็ได้รับรางวัลถึง 3 รางวัลด้วยกันครับ ได้แก่ รางวัลกรรมการขวัญใจมหาชนของชมรมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย, รางวัลกรรมการยอดเยี่ยมของเวทีลุมพินี และรางวัลกรรมการดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็เลยได้รับการติดต่อจากทีมงาน 10 Fight 10 (PN FIGHTING CLUB ที่ปรึกษา 10 Fight 10) ให้มาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ
เปาป้อมเล่าด้วยว่า ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อให้มาทำหน้าที่ใน 10 Fight 10 ไม่ได้หนักใจ เพราะทั้งคู่ชกภายใต้กติกาเดียวกัน มีการป้องกันตัวของนักมวยในระดับหนึ่ง แต่เราในฐานะกรรมการที่อยู่ใกล้ชิดนักมวยบนเวทีมากที่สุด เราก็ต้องพยายามเซฟตัวเขาให้เต็มที่ ให้แต่ละคนไม่ทำผิดกติกา ต่อยกันในเกมให้สนุกที่สุด เพราะอย่างที่ทราบกันคือ แต่ละคนไม่เคยชกมวยมาก่อน มีเวลาฝึกซ้อมแค่ 3-5 เดือนเท่านั้น