เปิดเหตุผลคอบอลไทยอดดู 'บอลโลกฟรี' หลัง 'กสทช' ถอดพ้นกฎ Must Have | คมชัดลึก

หลังจาก ที่ประชุมกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือบอร์ด 'กสทช.' มีมติเอกฉันท์ 7-0 เสียง ในการถอดมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ออกจากกฎมัสต์แฮฟ (Must Have) ที่กำหนดให้มีการถ่ายทอดสดรายการกีฬา ให้ประชาชนได้รับชม บอลโลกฟรี ทั่วประเทศ 

โดย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติเอกฉันท์ยกเลิกกฎ Must Have สนับสนุนฟุตบอลโลก เหตุผลเป็นกีฬาที่มูลค่าเชิงการตลาดสูง หลังที่ผ่านมา คณะกรรมการ กสทช. อนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท. เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ภายในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท จากจำนวนเต็ม 1,600 ล้านบาท 

จากที่ รัฐบาล คสช. ต้องการคืนความสุขให้กับประชาชนเพื่อได้ดูฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเกิดเป็นกระแสวิจารณ์เป็นวงกว้างและประเด็นถกเถียงอย่างหนักถึงความคุ้มค่า ทั้งที่ทีมชาติไทยไม่เคยได้เข้าไปแข่งขันในรอบสุดท้าย

ขณะที่ ด้าน ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ เผยว่าอีกว่า หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 (Must Have) แต่ตอนนี้เข้าปี 2567 หรือผ่านมาแล้ว 10 ปี  บริบทการถ่ายทอดก็เปลี่ยนแปลงไป และจนถึงวันนี้ก็ถือว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเข้าสู่กลไกการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นบอร์ด กสทช.จึงมีมติเอกฉันท์ในเรื่องยกเลิกสนับสนุนฟุตบอลโลก ซึ่งก็จะเริ่มตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2026 ที่ แคนาดา แม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา

สำหรับ กฎมัสต์แฮฟ (Must Have) หรือ หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะทางฟรีทีวี ประกาศนี้ออกมาปี 2555 หรือปี 2012 ก่อนฟุตบอลโลก 2014 โดยออกมาเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงเนื้อหารายการโทรทัศน์ได้อย่างเท่าเทียม โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสท.  ระบุว่า 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย กีฬาซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก  และเวลานี้ได้เหลือเพียง 6 มหกรรมเท่านั้น