แกเร็ธ เซาธ์เกต กับยศ "ท่านเซอร์" โอกาสพา "อังกฤษ" เถลิงแชมป์ ยูโร 2024
แกเร็ธ เซาธ์เกต อาจไดรับประดับยศ "ท่านเซอร์" หากพา "ทีมชาติอังกฤษ" เถลิงแชมป์ ยูโร 2024 เปิดสถิติยอดผู้จัดการทีมที่เคยถูกมองข้ามสู่การสดุดีในฐานะฮีโร่ของชาติ
นาทีนี้ชื่อของ แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ วัย 53 ปี ถูกยกย่องอย่างสูงหลังพาพลพรรค "ทรีไลออนส์" เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร 2024 ได้สำเร็จ พร้อมสถิติ ชนะ 3 เสมอ 3 ไร้พ่าย โดยเฉพาะผลงานการแก้เกมตั้งแต่รอบ 16 ทีม , 8 ทีม และรอบรองชนะเลิศ ที่พาทีมคัมแบ็กกลับมาคว้าชัยได้อย่างสะใจแฟนบอล
แข้งอันเดอร์เรต (underrated) แห่งยุค
ประวัติ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในฐานะนักเตะเคยถูกประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะการที่เขาไม่ใช่แนวรับจากทีมยักษ์ใหญ่ แม้จะรับใช้ต้นสังกัดอย่าง แอสตัน วิลลา และ มิดเดิลสโบรห์ ไปเกือบ 400 เกม แต่ก็เป็นแค่ตัวจริงทีมเล็ก อีกทั้งยังจัดอยู่ในหมวดนักเตะประเภท Work Rate สูงแต่ไร้เทคนิค พูดง่ายๆคือกองหลังสไตล์โบราณที่เล่นตามคำสั่งโค้ชเป๊ะๆ ไม่มีลูกมหัศจรรย์ หรือความโดดเด่นใดๆทั้งสิ้น
ในนามทีมชาติ เซาธ์เกต ก็ยังเป็น "ตัวอะไหล่" ภายใต้ร่มเงาของ โทนี่ อดัมส์ และ มาร์ติน คีโอว์น แม้จะได้รับโอกาสยืนเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวจริงใน ยูโร 1996 ที่อังกฤษทะลุเข้าไปดวลกับ เยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ แต่เจ้าตัวก็ดันไปเตะลูกที่จุดโทษคนสุดท้ายพลาดโดยข้อหา "แพะรับบาป" ผู้ทำให้อังกฤษชวดเข้ารอบชิงไปแบบเจ็บช้ำ
แม้จะถูกมองว่าเป็นนักฟุตบอลประเภทไม่มีสกิลด้านไหนเด่นเป็นพิเศษแต่ก็ถูกทดแทนด้วยทักษะการสื่อสาร ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด รวมถึงภาพลักษณ์แบบ "มิสเตอร์ไนซ์กาย" พูดง่ายๆฝีมือทั่วไปแต่บุคลิกโดดเด่นจนมีแววว่าจะสามารถทำงานด้านอื่นอย่างฝ่ายบริหารจัดการได้ดี นั่นทำให้หลังจากแขวนสตั๊ด แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายบริหารมิดเดิลสโบรห์ให้รับบท "ผู้จัดการทีมชุดใหญ่" ทั้งที่ยังไม่มีไลเซนส์ในการคุมทีมเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามปีแรก (ฤดูกาล 2008-2009) ในฐานะผู้จัดการทีมผลลัพธ์กลับ "ดูไม่จืด" เขาพาทีมจบอันดับรองบ๊วยตกชั้นหน้าตาเฉย แถมพอลงไปเล่นระดับลีกรองก็ทำผลงานย่ำแย่จนถูกไล่ออก แต่ไม่นานก็ถูกทาบทามให้ไปเป็นผู้บรรยายฟุตบอลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถูกเรียกกลับมาทำงานในสมาคมฟุตบอลอังกฤษเมื่อปี 2013 ในตำแหน่งผู้จัดการทีมสิงโตคำรามชุดอายุไม่เกิน 21 ปี
ส้มหล่นได้คุม "ทีมชาติอังกฤษหน้าตาเฉย"
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมชุดใหญ่แบบโชคชะตาพาไป เพราะทันทีที่ แซม อัลลาไดซ์ ไปเกี่ยวพันคอร์รัปชั่นจนถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อ ปี 2016 ทั้งที่คุมทีมได้แค่ 1 เกม มันประจวบเหมาะกับเวลาที่รอไม่ได้เพราะสิงโตคำรามมีโปรแกรมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรออยู่ ช้อยส์ในมือของสมาคมจึงมีตัวเลือกแค่เซาธ์เกตที่คุมทีมชาติชุดเล็กอยู่ และสามารถแต่งตั้งเพื่อสานต่องานได้ทันที
สัญญาในช่วงแรกถูกระบุไว้แค่สถานะ "กุนซือชั่วคราว" แต่จากผลงานพาทีมชาติอังกฤษผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย แถมผลงานยังเด็ดดวงถึงขั้นพาทัพ "ทรี ไลออนส์" จบอันดับที่ 4 นั่นทำให้กุนซือหนุ่มโลว์โปรไฟล์รายนี้ได้รับสัญญาถาวรจากสมาคมเพื่อทำงานต่อไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แฟนบอลบ่นมาตลอดคือรูปแบบการเล่นที่ไร้จินตนาการ นำแล้วเน้นอุด ทุกครั้งที่อังกฤษไปไม่ถึงฝั่งฝันเป้าจะถูกโจมตีมาที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมที่มีทรัพยากรนักเตะระดับท็อปคนหนึ่งของโลก พร้อมคำถามที่ว่าได้เวลาปลดกุนซือรายนี้แล้วหรือยัง
กลับกันแม้ฟอร์มในสนามจะกระท่อนกระแท่น อีกทั้งยังมีแท็คติกแปลกๆขัดใจแฟนบอล แต่ผลงานโดยรวมกลับสวนทาง "อังกฤษ" ยุคเซาธ์เกตดูจะเข้าใกล้ความสำเร็จขึ้นทุกที เริ่มจาก การได้รองแชมป์ ยูโร ปี 2020 , การผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 และล่าสุดใน ยูโร 2024 ที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศกับสเปน
ทั้งหมดทำให้สื่อดังเมืองผู้ดีอย่าง "เทเลกราฟ" ตีข่าวว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต กำลังจะได้รับพระราชทานยศอัศวิน หรือคำนำหน้าว่า "ท่านเซอร์" หากพาอังกฤษเถลิงแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
วิเคราะห์เส้นทางสู่แชมป์ ยูโร 2024
สุดท้ายแม้ว่าผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะเป็นอย่างไร เซาธ์เกต ก็ถือเป็นบุคคลตัวอย่างที่ทำงานของเขาโดยไม่สนเสียงวิจารณ์ ซึ่งสุดท้ายผลงานจะเป็นตัวชี้วัดแม้เส้นทางที่ผ่านมาจะขรุขระแค่ไหนก็ตาม